วันที่ 14 ก.ย. 2564 จากกรณี นายมิตร สุกเลื้อง อายุ 56 ปี อาชีพรับจ้างกรีดยางพารา ได้ขุดหลุมฝังศพ นางถนอม ภักดี อายุประมาณ 38- 40 ปี ผู้เป็นภรรยา ไว้บริเวณพื้นดินภายในสวนยางข้างกงสี พื้นที่หมู่ 6 ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.64 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าภรรยาป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันปกพร่อง (เอดส์) และนอนป่วยติดเตียง จนกระทั่งเสียชีวิตลงตามธรรมชาติภายในกงสี ก่อนจะนำร่างภรรยาไปฝังดิน โดยไม่ได้บอกกล่าวใคร จนกระทั่งผ่านมา 4 วัน เจ้าหน้าที่มาทราบในภายหลังจากที่สามีอ้างถูกวิญญาณภรรยาตามหลอกหลอน และไปแจ้งเรื่องกับพระสงฆ์ ทั้งนี้ทางตำรวจไม่มีการทำคดีชันสูจน์พลิกศพยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต จนทำให้ชาวบ้านคาใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดโคกมะขาม ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน เพื่อพบกับ พระเสนอ วรธมฺโม เจ้าอาวาสวัด เล่าว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา สามีได้เดินทางมาที่วัดคนเดียว เพื่อมาพบอาตมาจริง พร้อมทำบุญโดยนำข้าว แกง และน้ำ มาถวาย พร้อมกับบอกเล่าถึงการตายของภรรยา และเห็นดวงไฟสีเขียวโผล่มาจากหลุมศพ อาตมาจึงได้แนะนำให้ตนไปแจ้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ส.อบต.เพื่อจะได้หาทางช่วยเหลือและทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่ผ่านมาอาตมาไม่เคยรู้จักคู่สามีภรรยาหรือเคยพบเห็นมาก่อน และหากจะมีการขุดเพื่อนำศพขึ้นมาจากหลุม เพื่อมาทำการฌาปนกิจที่วัด อาตมาก็ยินดีเพราะเป็นสงฆ์ต้องทำให้ หากติดเชื้อโควิด-19 ก็ยินดีจะทำศพให้ อย่างไรก็ตามชาวบ้านในพื้นที่ยังคาใจและตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ตายเสียชีวิตลงด้วยสาเหตุใด และเพราะสาเหตุไดสามีจึงรีบขุดหลุมฝังศพของภรรยา โดยไม่บอกหรือแจ้งข่าวกับใครแม้แต่คนเดียว จนชาวบ้านและผู้นำต่างมาทราบเรื่องในภายหลัง ทั้งนี้ยังคาใจถึงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงไม่ทำเป็นคดีชันสูจน์พลิกศพ พร้อมด่วนสรุปและปักใจเชื่อว่าเสียชีวิตเองโดยธรรมชาติ โดยที่ไม่มีผลของทางแพทย์ยืนยัน พร้อมไม่เชิญตัวสามีไปเค้นสอบปากคำ และชาวบ้านยังคงหวาดผวาว่าสามีภรรยาจะมีการติดเชื้อโควิด-19 ด้วยหรือไม่ หรือภรรยาเสียชีวิตเพราะการถูกฆาตกรรมด้วยหรือไม่
ล่าสุดวันนี้ (14 ก.ย.)หลังจากญาติติดใจสาเหตุการตาย สามีนำศพเมียไปฝังโดยไม่ปรึกษาใครและไม่แจ้งญาติทราบอ้างว่าเมียป่วยติดเตียงและเป็นโรคประจำตัว ต่อมาญาติได้แจ้งเจ้าหน้าที่ ตร.และผู้นำท้องที่ฝ่ายปกครอง รวมทั้ง อสม.และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ เพื่อขุดร่างจากหลุมฝังศพใกล้กงสีพาไปผ่านพิสูจน์ที่ รพ.สงขลานครินทร์ (ม.อ.) สงขลา ตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ (13 ก.ย. 64) เพื่อหาสาเหตุการตายว่าเป็นการตายเองธรรมชาติ หรือมีร่องรอยการฆาตกรรมหรือไม่ ชด้าน พ.ต.อ.สมศักดิ์ สังข์น้อย ผกก.สภ.หนองเอื้อง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนยังไม่รับเลขคดี เบื้องต้นทราบว่าเป็นการตายแบบธรรมชาติ แต่เมื่อทางฝ่ายญาติยังติดใจสงสัยทางเจ้าหน้าที่ ตร.จึงต้องส่งศพไปผ่าพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด รับเป็นคดีชันสูตร หรือ (คดี ช.) หลังจากผลผ่าพิสูจน์ออกมาจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป ก่อนหน้านี้จากการพุดคุยกับสามีคนตายยังไม่พบพิรุธ ส่วนพยานแวดล้อมจะเรียกมาสอบปากคำในลำดับต่อไป
ขณะที่ฝ่ายญาติไม่พอใจและมีพิรุธข้อสงสัยหลายประการ โดย นายฉลอง ภักดี อายุ 43 ปี ผอ.โรงเรียนวัดสีหราษฎร์ศรัทธา ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง เป็นพี่ชายของผู้ตาย เผยว่า ครอบครัวมีพี่น้องร่วมกัน 3 คน พี่ชายคนโตอยู่ที่ บ้านหนองแห้ง ต.ในควน ม.1 อ.ย่านตาขาว ส่วนตนเป็นคนกลาง ผู้เสียชีวิตเป็นน้องคนสุดท้อง พักหลังไม่ได้ติดต่อกับผู้ตายมานานกว่า 2 ปีกว่า แต่ทราบว่าผู้ตายได้ไปมาหาสู่กับพี่ชายตลอด เพราอยู่ใกล้กัน กระทั่งวานนี้ได้รับทราบข่าวจากญาติ ว่าน้องสาวได้เสียชีวิตลง จึงนัดพี่น้องมาพบกันงงและยังติดใจในสาเหตุการตายเพื่อขุดศพขึ้นมาพิสูจน์หาความจริง ส่วนเรื่องของคดีขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนสอบสวนไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย ส่วนศพน้องสาวหลังจากผลชันสูตรผ่าศพออกแล้วก็จะนำไปทำพิธีฌาปนกิจศพ ตามประเพณี ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตมีข้อสงสัยหลายประการ โดยจิตสำนึกของคนทั่วไปแล้ว เมื่อเสียชีวิตลง อย่างน้อยต้องแจ้งให้ญาติทราบก่อนที่จะดำเนินการใดๆ แต่เหตุการณ์นี้กลับผิดแปลกแต่เชื่อว่าความจริง คือความจริง กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ.
ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตรัง