เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ที่โรงพัก สภ.ท่าตะเกียบ นางสมจิตร (สงวนนามสกุล) อายุ 78 ปี ชาวบ้านหมู่ 17 บ้านชมพู ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมหลานสาว คือ น.ส.วารี สร้อยสมยา อายุ 31 ปี หอบเอกสารสลิปการโอนเงินเข้าพบ พ.ต.ท.สุรพิสิฐ ไหมงำ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษขบวนการตุ๋นเงินโดยใช้บัญชีม้า จนต้องสูญเงินเก็บทั้งชีวิต
ข่าวที่น่าสนใจ
ด้าน พ.ต.ท.สุรพิสิฐ ไหมงำ ได้ฟังคำบอกเล่าของนางสมจิตร ถึงกับอึ้ง พร้อมอุทานว่า ยายจ๋า โดนมิจฉาชีพหลอกแล้ว โดยนางสมจิตร ได้นำสลิปโอนเงิน จำนวน 38 ใบ ที่เริ่มโอนครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2566 มาจนถึงปัจจุบันเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2567 ยอดรวม 2,900,000 บาท มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดู
เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงให้นางสมจิตร ค่อยๆ ตั้งสติ เล่าย้อนเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น นางสมจิตร เล่าว่าตนเองเล่นเฟซบุ๊ก เมื่อปีที่แล้ว จู่ๆ ก็มีชาวต่างชาติอ้างเป็นทหารรบสงคราม แชทมาขอความช่วยเหลือ บอกว่าช่วยผมด้วยผมต้องการนำกล่องที่บรรจุเงินสดดอลล่าร์ ตีเป็นเงินไทย 53 ล้านบาท เข้ามาในประเทศไทย แต่มีค่าใช้จ่ายด้านภาษีนำเข้า และเคลียร์ ปปง. หากนางสมจิตรช่วยจะให้เงินคืนนางสมจิตร 7 ล้าน พร้อมค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับนางสมจิตรทราบว่า เจ้าหน้าที่ ธกส. ท่าตะเกียบ เตือน นางสมจิตรแล้วว่ามิจฉาชีพหลอก แต่นางสมจิตรไม่เชื่อ จึงไปให้ตามร้านขายของชำแถวอำเภอท่าตะเกียบ ตามร้านสะดวกซื้อโอน บอกโอนครั้งสุดท้าย เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา 2 ใบเสร็จ โอนไปบัญชีม้าที่ใช้ชื่อจุฑาทิพย์ พาพรม รวม 5 แสน นางสมจิตร บอกว่ารายได้ของตนเองหลังสามีเสียชีวิตก็มีสวนมะม่วงส่งออก 100 ไร่ ให้ชาวบ้านเช่าที่การเกษตรปีละ 2 แสนกว่าบาท มีค่าเช่าห้องแถว นางสมจิตรบอกผ่านสื่อว่า หากมิจฉาชีพดูข่าวช่วยนำเงินมาคืนบ้าง ถึงจะคืนไม่ครบก็ขอให้เอามาคืนตนแก่ชรามากแล้วที่ตนช่วยไปเพราะสงสาร
ด้าน พ.ต.ท.สุรพิสิฐ ไหมงำ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ ได้เชิญนางสมจิตรขึ้นสอบสวน 2 วันติด เพื่อเตรียมออกหมายเรียกกลุ่มบัญชีม้า จำนวน 5 คน ที่ทราบชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่งแล้ว เพื่อมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
