รุกไม่หยุด! อิสราเอลออกคำสั่งอนุมัติการยึดที่ดินเขตเวสต์แบงก์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสามสิบปี กลุ่มสันติภาพเผย ปีนี้อิสราเอลยึดดินแดนสูงสุด
ในวันพุธ เอเอฟพีรายงานการเปิดเผยของ พีซนาว องค์กรสันติภาพที่ระบุว่า รัฐบาลอิสราเอล ได้อนุมัติการยึดที่ดินครั้งใหญ่ที่สุดในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง ในรอบกว่า 3 ทศวรรษ ในเดือนมิถุนายน ที่ดินขนาด 12.7 ตารางกิโลเมตรในหุบเขาจอร์แดนได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็น “ทรัพย์สินของรัฐอิสราเอล”ที่ดินที่ถูกยึดใหม่ใกล้กับนิคมยาฟิต คาดถูกกำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร
พีซนาวกล่าวว่า ขนาดของที่ดินที่ถูกยึดในครั้งนี้ เป็นการยึดที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ข้อตกลงสันติภาพออสโลในปี 1993 อีกทั้ง ปี 2024 ถือเป็นปีที่อิสราเอลยึดครองที่ดินสูงสุด นับตั้งแต่ต้นปีรัฐบาลอิสราเอลได้ยึดพื้นที่ทั้งหมด 23.7 ตารางกิโลเมตรในเขตเวสต์แบงก์ โดยเบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฝ่ายขวาจัดของอิสราเอล ได้ประกาศการยึดทรัพย์สินครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม
พีซนาวอธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อที่ดินถูกประกาศให้เป็น “ทรัพย์สินของรัฐ” ชาวปาเลสไตน์จะสูญเสียสิทธิ์การเป็นเจ้าของส่วนบุคคลและถูกห้ามไม่ให้ใช้ที่ดินดังกล่าว
ทั้งนี้ อิสราเอล ได้เข้ายึดเขตเวสต์แบงก์ เยรูซาเลมตะวันออก และฉนวนกาซา ในช่วงสงครามอาหรับ-อิสราเอล ปี 1967 ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อิสราเอลได้สร้างการตั้งถิ่นฐานหลายสิบแห่งทั่วเวสต์แบงก์ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของชาวอิสราเอลมากกว่า 4 แสน 9 หมื่นคน ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่มีชาวปาเลสไตน์ประมาณ 3 ล้านคนอาศัยอยู่ในเวสต์แบงก์ และในช่วงทศวรรษ 1980 อิสราเอลยึดที่ดินหลายร้อยตารางกิโลเมตร แต่หยุดการยึดในปี 1992 ต่อมารัฐบาลชุดแรกของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู กลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 1996
เจ้าหน้าที่อิสราเอลไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้แต่อย่างใด ขณะที่พีซนาววิจารณ์ความเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า เป็นอันตรายต่อความหวังสันติภาพของชาวปาเลสไตน์ และกล่าวหาอิสราเอลที่ให้ความสำคัญในการจัดหาที่ดินให้ผู้ตั้งถิ่นฐาน มากกว่าการแก้ไขความขัดแย้งและยุติสงคราม พร้อมเรียกร้องการตั้งรัฐปาเลสไตน์ ส่วนแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวถึงการขยายการตั้งถิ่นฐานว่า ไม่เป็นผลดีต่อการบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนกับชาวปาเลสไตน์