ไล่ไทม์ไลน์ “6 ศพ” เสียชีวิตในโรงแรมกลางกรุง ตร.เร่งพิสูจน์หาบุคคลที่ 7 คลี่ปมฆาตกรรม

ขณะที่ พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้แถลงรายละเอียด ซึ่งสรุปได้ดังนี้  ผู้เสียชีวิตในห้อง 6 คน อยู่ในบริเวณโซนรับแขกด้านหน้า 4 ในห้องนอน 2 ราย เป็นชาย 3 หญิง 3 คน ซึ่งทั้ง 6 คน เดินทางเข้ามาเช็กอินที่โรงแรมไม่พร้อมกัน มีเข้าวันที่ 13 กรกฎาคม 1 ชุด และ 14 กรกฎาคม อีก 1 ชุด พักอยู่ที่ชั้น 7 ทั้งหมด 4 ห้อง และชั้น 5 อีก 1 ห้อง รวม 5 ห้อง ทั้งหมดต้องเช็คเอาท์วันที่ 15 กรกฎาคม ทั้งนี้มีข้อสังเกต คือแจ้งบุ๊คกิ้งเข้ามา 7 คน แต่เช็กอิน 5 คน แต่พบศพ 6 คน ดังนั้นต้องหาว่า คนที่ 7 คือใคร

โดยชาวเวียดนามได้เปิดห้องพัก 2 ห้อง ในชั้น 7 และชั้น 5 ห้องที่พักชั้น 7 จะต้องเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเมื่อตอนบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.67) ซึ่งพบว่า ทั้งหมดได้เก็บกระเป๋า และนำมารวมที่ห้องชั้น 5 สันนิษฐานว่า ต้องรู้จักกัน เพราะขนกระเป๋าไปรวมกัน

ขณะที่ฝ่ายสืบสวน ของทางนครบาล สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สรุปแนวทางต้องกันว่า

• 1.บุคคลที่ 7 เราต้องตรวจพิสูจน์ก่อน ว่าที่บุกกิ้งมา เข้ามาจริงไหม
• 2.ต้องเก็บรายละเอียดทั้งหมด จากข้อมูลท้องถิ่น ผ่านทางสถานทูต และโซเชียลที่ลงทะเบียนไว้
• 3.หากบุคคลที่ 7 ไม่มี อะไรคือมูลเหตุจูงใจในครั้งนี้ ต้องพิสูจน์

ส่วนการเสียชีวิต คาดว่าเสียชีวิตหลังจากเวลา 13.53 น. เพราะเมนูอาหารที่สั่ง ลักษณะเป็นอาหารจานเดี่ยว 6 จาน และยังไม่ได้รับประทาน แต่ที่น่าสังเกต คือ ถ้วยเครื่องดื่ม มีลักษณะคล้ายการผสมเครื่องดื่มอีก 6 ถ้วย โดยวางอยู่ที่จัดเตรียม 5 ถ้วย และที่โต๊ะอาหาร 1 ถ้วย มีเศษผงตกค้างก้นถ้วย ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างพิสูจน์หลักฐาน และในเบื้องต้น ได้ตรวจดูทั้งหมด พบว่า ทั้ง 6 คน เสียชีวิตเกิน 24 ชั่วโมง ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ การทำร้าย หรือรื้อค้น ประทุษร้าย ในเบื้องต้นไม่พบร่องรอยบาดแผลที่ปรากฏชัดเจน รวมถึงไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของปกติ ไม่มีถ้วยชามแตก

อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่ได้ตั้งประเด็นว่าเขาถูกวางยา แต่มีคนถูกประสงค์ต่อชีวิต และร่างกายต่อบุคคลกลุ่มนี้ จึงต้องรอผลชันสูตร และการตรวจสอบวัตถุพยาน ซึ่งไม่มีการประทุษร้าย แต่ดูแล้วว่ามีบางคน พยายามจะไปที่ประตู แต่ไปไม่ถึง จึงมาเสียชีวิตที่หน้าประตู

นอกจากนี้ พลตำรวจโท ธิติ ระบุว่า ในที่เกิดเหตุมีวัตถุต้องสงสัยสองชิ้น เป็นวัตถุสแตนเลส 2 ขวด ซึ่งไม่ใช่วัตถุของทางโรงแรม แต่ปรากฏอยู่ในห้อง โดยยังไม่ได้ตรวจสอบเครื่องดื่มด้านใน และจากรูปถ่าย เล็บมือเล็บเท้าของผู้เสียชีวิต มีลักษณะดำคล้ำ แต่อาจเกิดจากสาเหตุการเสียชีวิตมาประมาณ 24 ชั่วโมง โดยการชันสูตรพลิกศพครั้งนี้ ส่งภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

อย่างไรก็ตาม ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า ชาวเวียดนามที่มานั้น อาจจะไม่ได้มากเที่ยว เพราะชาวเวียดนามทั้งหมดมาวันที่ 14 กรกฎาคม และกลับวันที่ 15 กรกฎาคม ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า มาเที่ยวกันจริงหรือ เพราะถ้ามาเที่ยว จะต้องมานานกว่านี้ จึงตั้งประเด็นว่ามาทำอะไร มาทำธุรกิจอะไรหรือไม่