ข่าวที่น่าสนใจ
อย่าง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ผู้บริหารไม่สบายใจอย่างแรง ถึงขั้นต้องส่งตัวแทนออกมาชี้แจงว่า กรณีที่ หมอเกศ ระบุในใบสมัคร สว. ว่า ตัวเองจบปริญญาเอก สาขาวิชาการจัดการและพัฒนาทรัพยากร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นั้น ความจริงคือ หมอเกศ ได้ลงเรียนปริญญาเอกในสาขาจริง เป็นหลักสูตร 3 ปี มีสถานะเป็นนักศึกษา ปัจจุบันอยู่ ปี 2 เทอม 1 ตอนนี้จบคอร์สเวิร์กไปแล้ว อยู่ระหว่างเตรียมสอบวัดคุณสมบัติปริญญาเอก หากผ่านแล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการทำโครงร่างงานวิจัย สัมมนา และทำดุษฎีนิพนธ์ ตามลำดับ ก่อนหน้านี้ เคยแจ้งให้ หมอเกศ เพิ่มข้อความว่า “อยู่ระหว่างการศึกษา” ไปแล้ว เนื่องจากอาจทำให้เกิดความสับสน แต่ หมอเกศ บอกว่า ตัวเธอไม่ได้ไปบอกใครแบบนี้ แต่เป็นสื่อที่นำไปเผยแพร่กันเอง
นอกจากนี้ หมอเกศได้เคยพาดพิงถึง มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยโพสต์ข้อความว่า “จะได้เป็นอาจารย์สอนที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ แล้ว ขอบคุณรองอธิการบดี นะคะ ที่ให้โอกาส ทำศาสตราจารย์ ต่อด้วยเลย แล้วเจอกันนะคะ นักศึกษา” งานนี้มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เคลื่อนไหวทันที โดยชี้แจงผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย ระบุว่า ตามที่มีภาพและข้อความเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตว่า พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย จะได้เป็นอาจารย์ ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และทางมหาวิทยาลัยฯ เปิดโอกาสให้ทําตําแหน่งทางวิชาการ (ศาสตราจารย์) ทางมหาวิทยาลัยขอชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพเหตุการณ์ซ้อมฝึกอบรมดับเพลิงฯ เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 66 ซึ่ง พญ.เกศกมล มาร่วมในฐานะ คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตํารวจ โดยทางมหาวิทยาลัยขอยืนยันว่า พญ.เกศกมล “ไม่เคยเป็นอาจารย์” ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นอกจากนี้ พญ.เกศกมล ไม่เคยยื่นขอตําแหน่งทางวิชาการใดๆ ผ่านมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. และอดีตผู้สมัคร สว. โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กว่า เรื่องมันมีอยู่ว่า บรรดาคนมีสตางค์ แต่ไม่มีวุฒิ อยากมี ดร. นำหน้า หรือ มี ศ. รศ. นำ ยิ่งเท่ บังเอิญมีบริษัทรับเทียบโอนวุฒิในอเมริกา ตั้งชื่อเหมือนมหาวิทยาลัย เปิดบริการรับเทียบโอนวุฒิ เช่น เธอส่งใบปริญญามา ฉันก็เทียบวุฒิให้ แต่หน้าตาใบเทียบวุฒิดูเผินๆ จะเหมือนใบปริญญา บริษัทนั้นยังเปิดโอกาสว่า ถ้าเธอมีประสบการณ์อะไร ก็ส่งหลักฐานมา ฉันเทียบโอนตำแหน่งวิชาการให้
3 ชิ้น เป็น รศ. หากจะเป็น ศ. ขอ 5 ชิ้น เรื่องเดินต่อว่า มีอาจารย์ที่ไม่สังกัดมหาวิทยาลัย เห็นว่า เป็นช่องทางสร้างคน สร้างรายได้ เลยชักชวนแบบบอกต่อ ใครสนใจบ้าง ทำวิจัยไม่เป็น เดี๋ยวสอน สอนแล้วยังทำไม่เป็น หาคนช่วยทำ ทำแล้วเขียนไม่ถูก หาคนช่วยเขียน แปลไม่ได้ ช่วยแปล หาที่ลงวารสารต่างประเทศไม่ได้ เดี๋ยวจัดให้ แต่มีค่าใช้จ่ายรวมๆ ยังไงก็ไม่ถึงล้าน ดีกว่าบินไปเรียน 5 ปี 10 ล้าน ยังอาจไม่จบ
นายสมชัย ระบุอีกว่า ผู้มีสตางค์ที่อยากได้ปริญญา อยากได้ ดร. อยากได้ ศ. รศ.เลย เห็นว่า นี่คือทางลัด ประหยัด ไม่เหนื่อยแรง แต่ไม่รู้ว่าสิ่งนี้ ไม่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่มีมาตรฐาน หากแค่ลงเฟซ ลงติ๊กต๊อก สร้างภาพสวยๆไม่น่าจะมีปัญหา คนเห็นก็กดไลก์ กดหัวใจให้ ยิ่งปลื้มกันใหญ่ แต่พอเอามาใช้กับอะไรที่เป็นทางการมากๆ น่าจะเรื่องยาว เพื่อนผมที่เป็นหมอบอกว่า นี่คือ อาการโกหก ในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ตัวว่าโกหก ปัญหาคือ หากยังดึงดัน และฟ้องกราดปิดปากใครต่อใคร เรื่องถึงศาล ฝ่ายถูกฟ้องเขาขอให้ศาลเรียกเอกสารวิชาการทุกชิ้นมาตรวจสอบ อาการหนาว จะยิ่งกว่าทวีปอาร์กติก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
