“จุลพันธ์” แจงกลไกแจก “ดิจิทัลวอลเล็ต” รับเป็นเรือธงของรัฐบาล ต้องกระตุ้นศก.ประเทศ ติงฝ่ายค้านชอบมุมมองแคบ

ดังนั้น สิ่งที่พูดมาอาจจะเป็นความเข้าใจที่แตกต่าง อาจจะเป็นมุมมองที่ต่างกัน พวกผมยังเชื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนสามารถลืมตาอ้าปากได้ เศรษฐกิจเติบโต เราจะมีจีดีพีที่ใหญ่ขึ้น เก็บภาษีที่มากขึ้นก็จะหมุนวนกลับมาในการแก้ไขปัญหาของประชาชน นี่คือความเชื่อที่มาจากคนละมุม

นายจุลพันธ์ ชี้แจงอีกว่า การตั้งงบประมาณในการขาดดุลสูงเต็มเพดาน แต่ไม่มีความเสี่ยงในเรื่องของกลไกงบประมาณ เพราะรัฐบาลมีกฎหมายรองรับสถานการณ์ได้ทุกรูปแบบ ไม่งั้นประเทศไทยไม่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะเราผ่านวิกฤต ผ่านเหตุการณ์มาหลายครั้งหลายหน กฎหมายต่างๆ มีการปรับแก้ต่อเติม สามารถรองรับได้ทุกสถานการณ์ กรณีที่หากรัฐบาลเกิดการจัดเก็บพลาดเป้า 26,000 ล้าน ไม่ใช่ตัวเลขจริง เกิดจากการประมาณการ ท่านไม่ได้อยู่ใกล้ข้อมูลเท่าพวกตน เราทำงานหลายหน้าในเรื่องการดูการจัดเก็บ ในกรณีใดๆ ก็ตามไม่เคยมี ในอดีตประเทศไทยตั้งงบประมาณแล้วจะจัดเก็บได้ 1,000,000 ล้านบาท บางปีได้เกิน บางปีขาด เป็นเรื่องปกติ ถ้าท่านทำงานเอกชนจะรู้การประมาณการต้นปีกับปลายปีไม่เท่ากัน

สำหรับข้อห่วงใยเรื่องเม็ดเงิน สมาชิกบอกว่าเม็ดเงินจริงยังไม่มี นี่คือสาเหตุที่เรามาที่สภาวันนี้ กลไกในการจัดทำโครงการต้องเป็นไปตามกฎระเบียบ วิธีการ และกฎหมาย นี่คือสาเหตุที่เรารวมตัวและประชุมในเรื่องของร่าง พ.ร.บ.งบเพิ่มเติม นี่เป็นกลไกเดินหน้า เพื่ออนุมัติกรอบวงเงินให้กับโครงการแม้วันนี้ไม่มีเม็ดเงินรองรับ อีกส่วนหนึ่งคือการพิจารณาในชั้นของกรรมาธิการวิสามัญ พ.ร.บ.งบ 68 เมื่อกระบวนการเสร็จสิ้นตามกรอบเวลาก่อนเดือนตุลาคม หากสภาให้ความเห็นชอบก็จะประกาศใช้เป็นกฎหมาย จะมีเม็ดเงินเต็มจำนวนรองรับสำหรับการบริหารจัดการ ข้อขัดแย้งที่เป็นห่วงว่ารัฐบาลจะมีการให้ข้อมูลนั้น ท่านยกตัวอย่างมาค่อนข้างตลก ในเรื่องของวันที่ที่พวกตนประกาศ วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นวันลงทะเบียนเป็นเรื่องเล็ก รัฐบาลไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ทุกฝ่ายพูดคุยกันตลอด ทุกคนรู้ทันแต่ท่านอาจจะรู้น้อยกว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะท่านไม่ได้อยู่ในวงประชุม แต่เรามีหน้าที่มาอธิบายในวันนี้ ทั้งหมดเป็นกลไกที่ได้กำหนดขึ้นมา

ส่วนประเด็นที่ท่านถามว่า ทำไมถึงมีข้อสงสัยในสังคมหลายข้อ ตนฟังข้อสงสัยก็ขอเรียนด้วยความเคารพ ตนเพิ่งได้ฟังครั้งแรกจากผู้อาวุโสอภิปรายข้อห่วงใยในการทุจริตของรัฐ ตนทำเรื่องนี้มาเกือบปียังไม่เคยได้ยิน เพราะนโยบายนี้จ่ายเงินตรงกับประชาชนที่ผูกกับบัตรประชาชน แบบ 1:1 ในการทุจริตของฝ่ายภาครัฐตนยังมองช่องทางไม่ออก ได้ดูอย่างละเอียดเราเป็นห่วงในประเด็นนี้เช่นกัน ได้ยินจากท่านเป็นคนแรกว่ามีข้อห่วงใยในเรื่องทุจริต ยืนยันว่าไม่มี รัฐบาลดูอย่างละเอียดรอบคอบ

ส่วนการทุจริตในเรื่องของผู้รับเงิน 10,000 บาท อาจเอาไปใช้ผิดประเภท ผิดวัตถุประสงค์ หรือทำที่ผิดไปจากกลไกที่กำหนดไว้ รัฐสามารถดำเนินการตามกฏหมาย ฟ้องร้องได้ ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก แต่ใครก็ตามที่เคยทำผิดและมีคดีความ คนเหล่านั้นจะถูกตัดสิทธิ์จากโครงการดังกล่าว โครงการนี้ป้องกันการทุจริตคอรัปชั่นอย่างเต็มที่

ส่วนประเด็นทำไมไม่แจกเป็นเงินสด ทำไมไม่ใช้แอปฯเดิม ให้คนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปนั้น นายจุลพันธ์ เผยว่า อายุ 16 ปีขึ้นไป ท่านใช้คำรุนแรง เพราะมองว่าคนอายุ 16 อีกสองปีจะมีสิทธิ์เลือกตั้ง ถ้ามองอย่างนั้นพวกตนกำหนด 14 ปี เพราะถึงเวลาหมดสมัยรัฐบาลชุดนี้เลือกเลือกตั้งได้พอดี แต่นี่เป็นกลไกที่คิดมาอย่างดี อายุเหล่านี้สามารถรับเงินและมีศักยภาพในการใช้จ่าย เป็นกลไกหมุนเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ การที่ไม่แจกเป็นเงินสดเพราะเคยมีเฟกนิวส์ หาว่ารัฐบาลแจกเป็นคลิปโต แต่สิ่งที่เรากำลังทำคือวางฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ เราต้องการสร้างระบบการแลกเปลี่ยนกลางของรัฐ ระบบดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นทางเข้าเชื่อมไปยังบริการต่างๆ ที่ภาครัฐจะจัดสรรให้กับประชาชน หนึ่งในนั้นคือการแลกเปลี่ยน ประชาชนที่ได้เงินจะเข้าไปที่แอปกระเป๋าเงิน และจับจ่ายใช้สอยได้ตามกลไกและข้อจำกัดที่กำหนด จะพลิกเปลี่ยนกลไกของประเทศในการจับจ่ายใช้สอย

โครงการทั้งหมดเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์มหาศาลกับประชาชน เป็นการช่วยเหลือ และเป็นทางรอด เป็นทางลัด ประเทศชาติจะเดินหน้าด้วยกลไก รัฐบาลมีดิจิตัลวอลเล็ตเป็นหนึ่งในเรือธง แต่มีนโยบายที่ทำกันมาในมิติอื่นๆ เช่น การดูแลสินค้าเกษตร การดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ การดึงดูดนักลงทุน การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การเพิ่มสกิลแรงงานต้องทำควบคู่กัน อย่ามองนโยบายใดเป็นชิ้นเพราะจะไม่เห็นมองอะไร มองไม่ออก อ่านอะไรไม่เห็น ขอให้ท่านเดินกลับมาก้าวหนึ่งแล้วมองถึงการทำงานของรัฐบาล จะเห็นว่าสิ่งที่เราทำมีทุกมิติ พัฒนาปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับให้ไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว