รวบเครือข่าย “โจ้ น้ำมันเถื่อน” ร่วมวางแผนขโมยเรือของกลาง 3 ลำ หลบหนี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.ตร.) ร่วมกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) “สยบเครือข่ายเสี่ยโจ้ น้ำมันเถื่อน” จับ 5 ผู้ต้องหาร่วมกันสั่งการและวางแผนขโมยเรือน้ำมันของกลาง 3 ลำ หลบหนี จ่อขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

รวบเครือข่าย “โจ้ น้ำมันเถื่อน” ร่วมวางแผนขโมยเรือของกลาง 3 ลำ หลบหนี – Top News รายงาน

โจ้ น้ำมันเถื่อน

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนายการศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ ผอ.ศปนม.ตร.), พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.), พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการปราบปราม รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (รอง ผบก.ป.รรท.ผบก.รน.) , พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม และกองบังคับการตำรวจน้ำ ร่วมกันจับกุม นายสหชัยฯ อายุ 55 ปี ,นายสมเกียรติ อายุ 56 ปี และนายสำเริง อายุ 58 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3313- 3315 /2567 ลงวันที่ 16 ก.ค.67 ข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานฯ” และจับกุม นางอนันตญา อายุ 25 ปี และ นายนรินทร อายุ 27 ปี ฐาน “ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานฯ”

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

พ.ต.อ.เอนก เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 มี.ค.67 ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ, กรมสรรพสามมิตร และกรมเจ้าท่า ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 28 คน พร้อมของกลาง เรือบรรทุกน้ำมัน 5 ลำ พร้อมของกลางน้ำมันรวม 325,000 ลิตร พร้อมแจ้งดำเนินคดี ข้อหา “ร่วมกันพยายามลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งน้ำมันที่มิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” ปัจจุบันอยู่ระหว่างสอบสวนของอัยการสูงสุดและกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) โดยมอบหมายให้ กองบังคับการตำรวจน้ำเป็นผู้ดูแลรักษาเรือบรรทุกน้ำมันและน้ำมันเชื้อเพลิงของกลางไว้ที่ สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ต่อมาในช่วงวันที่ 9-10 มิ.ย.67 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ได้ประกาศเตือนว่า จะมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และฝนฟ้าคะนอง เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำเกรงว่า เรือของกลาง และท่าเทียบเรือจะได้รับความเสียหาย จึงให้เรือของกลาง จำนวน 4 ลำ ได้แก่ เรือ เจ.พี., เรือกำไรเงินหรือซีฮอร์ส, เรือดาวรุ่ง และเรือกำไรเงิน(เหล็ก) พร้อมลูกเรือ ออกไปทิ้งสมอในระยะปลอดภัย ห่างจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ประมาณ 100 เมตร กระทั่งวันที่ 12 มิถุนายน 2567 เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่พบว่าเรือทั้ง 3 ลำ คือ เรือ เจ.พี., เรือกำไรเงินหรือซีฮอร์ส, เรือดาวรุ่ง พร้อมลูกเรือ 15 ราย (เป็นกลุ่มผู้ต้องหาในคดีก่อนหน้า 14 ราย) ได้ร่วมกันควบคุมเรือหลบหนีไป ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปนม.ตร.) โดย พล.ต.อ.ไกรบุญ จึงสั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่เร่งสืบสวนหาข่าว ติดตามเรือของกลาง พร้อมลูกเรือเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้สืบสวน สอบสวนกรณีดังกล่าว ขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหา ทั้ง 15 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ” ต่อมา เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำและเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ 8 ราย พร้อมเรือของกลาง 3 ลำ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีน้ำมันเถื่อนของกลางเหลืออยู่เพียง 18,000 ลิตร

จึงได้ทำการสืบสวนขยายผล พบว่า นายสหชัยฯ ได้สั่งการ กลุ่มผู้ต้องหาให้ตระเตรียม วางแผน นำเรือ 3 ลำซึ่งเป็นของนายสหชัย หลบหนี โดยได้ตระเตรียมนำอุปกรณ์วิทยุสื่อสารและ เครื่องมือนำทาง GPS ให้กับไต๋เรือ ทั้ง 3 ลำไว้ เนื่องจากเครื่องเดิมถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดไปจากการถูกจับกุ่มในครั้งก่อน กระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.67 ได้โอกาสที่เหมาะสมที่จะหลบหนีจากการที่เรือได้จอดทอดสมอห่างจากท่าเรือตำรวจน้ำ โดยกลุ่มลูกเรือ จึงได้จัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มเป็นเสบียงก่อนจะหลบหนีออกจากจุดทอดสมอ กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 ในที่สุด

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 3 ราย คือ นายสหชัย , นายสมเกียรติ อายุ 56 ปี และ นายสำเริง อายุ 58 ปี และขออนุมัติศาลออกหมายค้นเพื่อทำการตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องจำนวน 13 จุด แบ่งเป็นพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ 1 จุด, จังหวัดสมุทรสาคร 2 จุด, จังหวัดเพชรบุรี 2 จุด, จังหวัดสงขลา 2 จุด และจังหวัดปัตตานี 6 จุด พร้อมจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 ราย คือนางอนันตญา และ นายนรินทร ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามเพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ฉาวอีก! "ไกด์เถื่อน" ทำร้าย "นทท.จีน" กลางร้านจิวเวลรี่ดัง ย่านลาดกระบัง เหตุนทท.ไม่ยอมซื้อสินค้าในร้าน
สาวเร่ร่อนนั่งเสพยาริมถนน กลางเมืองพัทยา ชาวบ้านสุดเอื้อมระอา แจ้งเจ้าหน้าที่จับไปไม่เกิน 2 วันวนกลับมาที่เดิม
เสนาธิการทหารเรือ เน้นให้หน่วยงานลงพื้นที่สำรวจ พบปะชาวบ้านสำหรับการป้องกัน "เชิงรุก"
“ธนกร” ค้านร่าง “สุราก้าวหน้า” ฉบับ “เท่าพิภพ” ชี้สุดซอยเกินเหตุ หวั่นไม่ได้มาตรฐาน อาจซ้ำรอย “ยาดองมรณะ”
"กองทัพเรือ" จัดกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย 4 จังหวัด พร้อมเฝ้าระวังและรับมือสถานการณ์อุทกภัย
นายอำเภอบางละมุง ร่วมกิ่งกาขาดอำเภอบาวละมุง, ผู้บริหารเมืองพัทยา ลงพื้นที่ บ้านเกาะล้าน มอบทุนการศึกษา-ให้ขวัญกำลังใจ นักเรียนโรงเรียนเมืองพัทยา 10
ฉะเชิงเทรา คึกคัก เทศกาลคืนวันไหว้พระจันทร์
"บิ๊กอ้วน" เป็นประธานพิธีปิดการศึกษา หลักสูตรวปอ.รุ่นที่ 66
จ.ระยอง ชวนชมฟรีคอนเสิร์ต 'Rayong long beach festival 2024 @Laemmaephim' จัดใหญ่ขนนักร้องชื่อดังของเมืองไทย ระเบิดความมันส์ พร้อมเต็มอิ่มกับอาหารทะเล Street food 20-22 ก.ย.นี้ ที่ชายหาดแหลมแม่พิมพ์ อ.แกลง
"รองผู้ว่าการรถไฟฯ" ตามติดน้ำท่วม ม.พะเยา ยันโครงการก่อสร้างทางรถไฟของโครงการทางคู่ ไม่มีเอี่ยวเหตุน้ำท่วม พร้อมสั่งจนท.เข้าลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือ-ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด-ติดตามสถานการณ์ทุกระยะ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น