เพจกล้าที่จะก้าว นำเหยื่อ “แชร์ลูกโซ่ธุรกิจออมทอง” เข้าร้องเรียน ดีเอสไอ ภาค 1 หลังโดนโกงสูญเงินนับร้อยล้าน

แรกๆก็ปันผลเป็นเงิน และทอง จนเหยื่อลงเชื่อชักชวนเพื่อนและญาติมาร่วมลงทุน สุดท้ายเบี้ยวปิดเฟซหนีเข้ากลีบเมฆพร้อมเงินนับร้อยล้าน

วันที่ (26 ก.ค.67 )เวลา 10.00 น.นายอธิวัฒน์  สิริกังวาลวงศ์   ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว นำผู้เสียหายผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกลวง   ให้ร่วมลงทุนในธุรกิจการออมทองประมาณ 10 คน เข้าพบ ร.ต.อ.ธัชพงศ์ สายโสภา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 1 (ผอ.ศปพ.1) กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค เพื่อยื่นคำร้องขอให้ดำเนินคดีอาญาตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547  หรือขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาให้ความช่วยเหลือ จากกรณีที่กลุ่มผู้ลงทุนซึ่งเป็นผู้เสียหายจำนวนมากได้ถูก น.ส.ณัฐปภา  (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี บ้านอยู่ที่ หมู่ที่ 4  ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา  โดยได้ชักชวนประชาชนทั่วไปด้วยการโฆษณาทางเฟสบุ๊คหรือชักชวนคนรู้จักให้ร่วมลงทุนออมทอง โดยอ้างว่าจะได้รับผลกำไรหรือค่าตอบแทนมูลค่าสูงภายในระยะเวลาประมาณ 14-16 วัน

ข่าวที่น่าสนใจ

หลังจากเข้าร่วมลงทุน  วิธีการโฆษณาได้มีการลงรูปบุคคลที่ร่วมลงทุนและผู้ได้รับการคืนผลกำไรและค่าตอบแทนในรูปแบบของเงินสด ทองรูปพรรณ หรือทองแท่ง จากร้านค้าทองคำแห่งหนึ่ง   ทำให้ประชาชนจำนวนมากซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.อ่างทอง จ.ปทุมธานี และ จ.นนทบุรี ที่ดูโฆษณาหรือได้รับการชักชวนหลงเชื่อว่า น.ส.ณัฐปภาฯดำเนินธุรกิจดังกล่าวจริง   จึงได้เข้าร่วมลงทุนโดยการโอนเงินเข้าบัญชีของ น.ส.ณัฐปภาฯ   บัญชีของนายเดวิทย์   ซึ่งเป็นสามี หรือบัญชีของ น.ส.สิราพรรณ   ซึ่งเป็นน้องสาว ซึ่งในช่วงแรกๆ ของการเข้าร่วมลงทุน ผู้ร่วมลงทุนแต่ละคนจะได้รับผลกำไรและค่าตอบแทนจริงตามที่มีการโฆษณาหรือชักชวน ทำให้ผู้ลงทุนเกิดความเชื่อถือและเพิ่มทุนจำนวนมากขึ้นพร้อมกับได้ชักชวนญาติหรือคนรู้จักเข้าร่วมลงทุนจนทำให้มีผู้หลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อประมาณวันที่ 24 มิถุนายน 2567 น.ส.ณัชปภาฯ ก็ได้ปิดเฟสบุ๊คที่ใช้ในการโฆษณา ทำให้ผู้ลงทุนทั้งหลายเกิดความสงสัย จึงได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อและติดตามหาตัว น.ส.ณัชปภาฯ  แต่ก็ไม่สามารถติดตามตัวได้ ผู้ลงทุนจึงรู้ว่าตนเองถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุน และได้รวมตัวกันไปร้องทุกข์ที่กองปราบปราม ซึ่งได้รับคำแนะนำให้ผู้เสียหายแต่ละคนไปร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ   โดยขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน  จ.พระนครศรีอยุธยา , สภ.คลองหลวง  จ.ปทุมธานี ได้รับคำร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.ณัชปภาฯ ในฐานความผิดฐาน ฉ้อโกง ไว้ส่วนหนึ่งแล้ว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้ร่วมลงทุนได้รับความเสียหายรวมตัวกันได้ จำนวน 130 คน รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 100,000,000 บาทเศษ  โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2566  -มิถุนายน 2567  ในเขตพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.อ่างทอง จ.ปทุมธานี และ จ.นนทบุรี ได้เข้าปรึกษากับเพจกล้าที่จะก้าว เพื่อนำมาแจ้งความร้องทุกข์และดำเนินคดีกับผู้ฉ้อโกง  ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 1 ได้รับคำร้องของผู้เสียหายดังกล่าวไว้แล้ว และจะได้รวบรวมเรื่องส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาดำเนินการต่อไป

 

เกียรติยศ  ศรีสกุล ผอ.ข่าว TOPNEWS ภาคกลาง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผบ.ทร.ลงพื้นที่ "นครพนม" ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัย
"พิพัฒน์" ยันค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ประกาศขึ้น 1 ต.ค.นี้ ชี้เตรียมมาตรการช่วยทั้ง "นายจ้าง-ลูกจ้าง" ไว้พร้อมแล้ว
"เทศบาลตำบลกะรน" ภูเก็ต เร่งอพยพชาวบ้าน หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง หวั่นดินสไลด์ซ้ำ
สุดยิ่งใหญ่! งานฉลอง “เทศกาลคเณศจตุรถี 2567” ลอยองค์พระพิฆเนศกลางอ่าวพัทยา ส่งองค์มหาเทพกลับสู่วิมานเบื้องบน ตามความเชื่อของชาวฮินดู
ชาวบ้านหนองปลาไหลโวยโรงงานมีการปล่อยน้ำเสียลงคลองส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมและกลิ่นนานนับปี นายกสั่งเร่งแก้ไขทันที
สพฐ.สั่งเด้ง "ผอ.สพม.สระแก้ว" ปมครูสาวสอบติดอันดับ 1 แต่ชื่อล่องหน
"นายกฯ" ให้คำมั่น เดินหน้ามาตรการเยียวยาน้ำท่วม ลดขั้นตอนยุ่งยาก เน้นทำรวดเร็ว ช่วยชาวบ้านทุกมิติ ให้กลับสู่สภาวะปกติ
3 ชนเผ่าพื้นเมือง เขมร กูย ลาว ร่วมกันประกอบพิธีกรรมบูชาบรรพบุรุษ แบบโบราณ และทำข้าวต้มใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
สื่อจีนเตรียมถ่ายทอดงานฉลองวันไหว้พระจันทร์ทั่วโลก
ชุดปฏิบัติการ USAR กองทัพเรือ เร่งฟื้นฟูหลังน้ำลด บรรเทาความเดือดร้อนชาวเชียงราย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น