“อ.นิ้น” น้อมนำพระบรมราโชบาย ร.10 สอนนศ. เป็นพลเมืองดี มีทัศนคติที่ถูกต้อง

"อ.นิ้น" น้อมนำพระบรมราโชบาย ร.10 สอนนศ. เป็นพลเมืองดี มีทัศนคติที่ถูกต้อง

ผศ.ดร.สลิลาทิพย์ ทิพยไกรศร คณบดีคณะการจัดการโลจิสติกส์และการคมนาคมขนส่ง สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ หรือ “อาจารย์นิ้น” กับการปฎิบัติหน้าที่ “อาจารย์” ที่ยาวนานกว่า 16 ปี ที่ผ่านมา ได้น้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  มาปรับใช้ในการปลูกฝังสั่งสอนนักศึกษาควบคู่ไปกับวิชาเรียนหลัก

อ.นิ้น น้อมนำพระบรมราโชบาย ร.10 สอนนศ.

 

“อาจารย์นิ้น” บอกกับเราว่า พระบรมราโชบายด้านการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  ที่คณะครูอาจารย์ทั่วประเทศทราบกันดี คือพระองค์ท่าน ตั้งใจมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน

1.มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง ความรู้ความเข้าใจต่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นในศาสนา มั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความเอื้ออาทรต่อครอบครัวและชุมชนของตน

2.มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง  รู้จักแยกแยะสิ่งที่ผิด – ชอบ / ชั่ว – ดี ปฏิบัติแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ดีงาใปฏิเสธสิ่งที่ผิด สิ่งที่ไม่ดี  ช่วยกันสร้างคนดีให้แก่บ้านเมือง

3. มีงานทำ – มีอาชีพ การเลี้ยงดูลูกหลานในครอบครัว หรือการฝึกฝนอบรมในสถานศึกษาต้องมุ่งให้เด็กและเยาวชนรักงาน สู้งาน ทำจนงานสำเร็จ ,การฝึกฝนอบรมทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตรต้องมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนทำงานเป็น และมีงานทำในที่สุด ,ต้องสนับสนุนผู้สำเร็จหลักสูตรมีอาชีพ มีงานทำ จนสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัว

4. เป็นพลเมืองดี การเป็นพลเมืองดี เป็นหน้าที่ของทุกคน ครอบครัว – สถานศึกษา และสถานประกอบการต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี การเป็นพลเมืองดี คือ “เห็นอะไรที่จะทำเพื่อบ้านเมืองได้ก็ต้องทำ” เช่น งานอาสาสมัคร งานบำเพ็ญประโยชน์ งานสาธารณกุศลให้ทำด้วยความมีน้ำใจ และความเอื้ออาทร

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“และอีกหลายๆสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำเพื่อลูกหลานคนไทย เมื่อเราได้รู้ก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำพระทัย บางเรื่องอาจจะเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแต่รับรู้ได้ว่าหัวใจของพระองค์ยิ่งใหญ่มาก อย่างเช่นเมื่อหลาย 10 ปี ก่อน พระองค์ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้อาคารของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เป็นที่ตั้งของโรงเรียนอนุบาลทหารมหาดเล็กราชวัลลภ ต่อมาโรงเรียนได้ย้ายไปที่จังหวัดนนทบุรีและได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่าโรงเรียนอนุราชประสิทธิ์ และโอนไปสังกัดสำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติเมี่อ พ.ศ. 2534 โดยดำเนินการสอนตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย”

 

 

“อ.นิ้น” กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พระองค์ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชทรัพย์ร่วมสนับสนุนให้กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาในถิ่นทุรกันดาร 6 แห่ง และทรงรับโรงเรียนมัธยมศึกษา 15 แห่งไว้ในพระราชูปถัมภ์ นอกจากนี้ยังมีพระราชดำริให้จัดตั้งมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เพื่อสนับสนุนผู้ศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จนถึงปริญญาตรีหรือเทียบเท่า โดยเป็นทุนให้เปล่า นับเป็นการสร้างบุคลากรคุณภาพในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ เช่น ครู แพทย์ ตำรวจ ทหาร ที่จะช่วยกันขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ

“พระองค์ท่านยังทรงมีพระราชกรณียกิจอีกมากในหลายด้านที่ทรงทุ่มเททำเพื่อประชาชนคนไทย และหากย้อนไปวันที่ทั่วโลกเผชิญกับวิกฤตโควิด 19 และการตรวจหาเชื้อโควิดได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง จะช่วยลดการแพร่ระบาดและลดการเสียชีวิตของประชาชนคนไทย วันนั้นในหลวงและพระราชินีทรงพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชน และสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ นั่นคือหนึ่งรูปธรรมที่เราได้เห็นวันที่ประเทศไทยเรามีวิกฤต จนสุดท้ายพวกเราก็ผ่านมันมาได้”

 

“อ.นิ้น” บอกด้วยว่า โครงการพระราชดำริที่ทรงทำ ทรงสร้างเพื่อประชาชนที่ค่อยๆเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ค่อยๆผลิดอกออกผลเป็นสิ่งที่ประชาชนได้รับ ซึ่งนั่นคือการ“ทำให้เห็น”ในหลายๆโครงการ ทั้ง การที่พระองค์ท่านพระราชทานโฉนดที่ดิน คลอง 6 อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ จำนวน 300 ไร่ ให้องค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (อสส.) เพื่อใช้ประโยชน์เป็นสถานที่ก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ หรือการที่พระองค์ท่านพระราชทานเงิน 2,400 ล้านบาท ช่วย 27 โรงพยาบาลทั่วประเทศไทย ในการจัดซื้อเครื่องมือครุภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ช่วยคนไทยได้เป็นล้านๆคน นี่เป็นเพียงตัวอย่างสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อคนไทยและนี่คงเป็นสิ่งที่สะท้อนได้ว่า พระองค์ท่านทรง “พูดน้อย มุ่งมั่นและทำจริง” ในทุกเรื่องที่ท่านมีพระราชประสงค์เสมอ

 

 

“ครอบครัวของดิฉัน จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอดชีวิต และในปีนี้เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษา ดิฉันและครอบครัวได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยได้เขียนโปสการ์ดเพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ภายใต้โครงการ “CIB LOVE รวมใจบอกรักในหลวง” ซึ่งประชาชนทั่วประเทศสามารถมีส่วนร่วมไปพร้อมๆกัน ผ่านโปสการ์ด พระราชกรณียกิจ รวมทั้งสิ้น 15 แบบ พร้อมคำบรรยายรายละเอียดหลายๆโครงการที่เมื่อเราได้อ่านแล้วก็รู้สึกว่า พระองค์ทรงปิดทองหลังพระมาตลอด ทรงมีความตั้งใจในการทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วทรงทำให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมได้จริงๆ ขอชื่นชม ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ที่ทำโครงการนี้ขึ้นมา ให้คนไทยที่รักสถาบัน รักในหลวงและพระราชินีได้ส่งเสียง ได้ร่วมกันส่งความจงรักภักดีถึงพระองค์ท่าน ให้ท่านได้ทราบว่าพวกเราเห็น พวกเราซาบซึ้ง ในสิ่งที่พระองค์ท่านทำเพื่อคนไทย”

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

หนุ่มแจ้งจับผู้ใหญ่บ้านคนดังใช้ปืนตบบ้องหูชายหนุ่มลูกบ้านศีรษะเลือดไหลโชคก่อนบังคับ"กราบตีนกู"-เปิดคลิปเหตุการณ์เป็นหลักฐานชัดเจนในขณะที่ผู้ว่าฯ เมืองคอน สั่งนายอำเภอตั้งคณะกรรมการสอบวินัยควบคู่กับการดำเนินคดีทางอาญาแล้ว
กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันตั้งเวทีแจงปัญหาเกาะกูดย้ำเป็นของไทย แต่เส้นแบ่งเขตต้องชี้แจง ชาวตราดกว่า 150 ร่วมเวที
"ทนายสายหยุด" แจง 3 ประเด็น ที่มาของเงินเจ๊อ้อย ยันมีหลักฐานเด็ดพิสูจน์ "ษิทรา" ไม่เข้าข่ายความผิดฉ้อโกง
เจ้าของห้องเช่าร้องสื่อ รถกระบะคอก ขับชนหลังคาพังยับก่อนซิ่งรถหนี
รอดปาฏิหาริย์ ! เด็ก 9 ขวบ ลื้อกระเป๋าเก่า เจองูเห่า
“ภูมิธรรม” รมว.กห.ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญทหารเรือ สอ.รฝ. หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด
เจ็ทสกี แปดริ้ว ดุเดือด ระดับโลกและมือใหม่ลงสนามประลองความเร็ว
อยุธยา เตรียมจัดคอนเสิร์ต AYUTTHAYA concert fest 2024 อย่างยิ่งใหญ่ กระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัด
"ทนายเดชา" ลั่น "ผกก.บางซื่อ" คนคุ้นเคย เหตุทนายตั้มเลือกแจ้งคดีเงิน 39 ล้าน
"ธรรมนัส" แจงชัดเจนไม่รู้จัก "ทนายตั้ม" เป็นการส่วนตัว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น