เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 17 ก.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดยเนื้อหากฎหมายมีทั้งสิ้น 110 มาตรา ที่ประชุมเปิดให้ส.ส.และส.ว.อภิปรายอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่ท้วงติงเนื้อหาที่ร่างมามีการยัดเยียดให้เด็กต้องปฏิบัติตามทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่สามารถพัฒนาการศึกษาไทย ให้เด็กได้เท่าทันโลกยุคใหม่ได้ จนกระทั่งเวลา14.30น. เกิดการปะทะคารมขึ้นเมื่อนายปดิพัทธ์ สันติพาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับสุดท้ายของเราคือปี 2542 ออกมาในบริบทที่ประเทศเป็นประชาธิปไตย ออกมาจากรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ที่ปฏิรูปก้าวหน้า กระจายอำนาจ มีสิทธิเสรีภาพ แม้พ.ร.บ.ฉบับปีดังกล่าวจะไม่ดีที่สุด แต่ออกมาจากกระบวนการที่ดี แต่ในพ.ร.บ.ที่กำลังพิจารณานี้ มาจากการปฏิรูปให้ประเทศล้าหลัง รวบอำนาจรวมศูนย์ มีอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมและชาตินิยมสุดโต่ง สิทธิเสรีภาพ ของครู นักเรียน หายไป การประชุมส.ว.ครั้งที่แล้ว เห็นมีส.ว.สอบถามความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศ ตอนนี้รัฐสภาเรายังเชื่อเรื่องการปฏิรูปประเทศอีกหรือ ปฏิรูปตำรวจเป็นอย่างไร ตำรวจเป็นฆาตกร ปฏิรูปทหารเป็นอย่างไร คอร์รัปชันในค่ายทหารยังจัดการไม่ได้ ปฏิรูปราชการจนใหญ่โตเทอะทะ จนบริหารจัดการประเทศช่วงโควิดไม่ได้ นี่เราจะเอาแดนสุดท้ายของการปฏิรูป คือปฏิรูปการศึกษามาฝากไว้กับรัฐบาลแบบนี้อีกหรือ รัฐสภาของเราเรียนรู้มาพอแล้วว่า 7ปีที่ผ่านมา ประเทศล้าหลังขนาดไหน ตนรับเนื้อหาลักษะที่ไม่ส่งผลดีต่อการศึกษาไทยไม่ลง
นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า เช่น ในมาตรา 6 เขียนยึดโยงอุดมการณ์อนุรักษ์นิยม ตนไม่มีปัญหากับข้อความที่เป็นเรื่องดี แต่เราจะทำให้เยาวชนไทย คนรุ่นใหม่เท่าทันโลกได้อย่างไร ถ้าเราใส่เรื่องชาตินิยมลงไปภูมิใจ ตระหนักในความสำคัญของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ความเป็นคนดี มีวินัย มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ตนอ่านแล้วคิดว่านี่คือรัฐธรรมนูญของการเข้าเป็นทหาร และนักเรียนเลวเขาตั้งแฮชแท็ก พ.ร.บ.ฉบับนี้ว่า พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ขออภัยที่ต้องพูดไม่สุภาพนะครับ ส้นตีน แต่จริง ๆ แปลว่าส้นเท้า และนักเรียนเยาวชนที่ออกมานอกระบบตอนนี้บนท้องถนนออกมาต่อต้านอำนาจรัฐอยู่ คิดว่าเรื่องนี้ ตนต้องเป็นปากเสียงให้พวกเขา ตนไม่สามารถรับหลักการ แทบจะต้องรื้อใหม่ทั้งฉบับ
อย่างไรก็ตาม ทำให้นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ไม่พอใจลุกขึ้นประท้วง ระบุว่า ขอให้ประธานสั่งให้ถอนคำว่า ตำรวจเป็นฆาตกรออกไป ฝากผู้อภิปรายไว้ว่า ช่วยสอนลูกให้รู้จักรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วย
นายพรเพชร ได้วินิจฉัยให้ถอนคำพูด นายปดิพัทธ์ ระบุว่า “ขอถอนครับ เปลี่ยนเป็นตำรวจบางท่าน เป็นฆาตกรจริง ๆ ออกข่าวด้วย” โดยนายพรเพชร พยายามตัดบทว่า “อย่าไปพูดถึงเขามันนอกกฎหมายนี้ ถอนไปเถอะไม่มีอะไร” แต่สุดท้ายนายปดิพัทธ์ ไม่ยอมถอน และย้ำว่า ไม่ถอนแต่ขอเปลี่ยนเป็นคำว่าตำรวจบางท่าน จากนั้นนายพรเพชร กล่าวว่า “ครับ แล้วให้ที่ประชุมดำเนินการต่อไป”