“เสมา 1” เซ็น MOU กรมสุขภาพจิต-สปสช.-มูลนิธิกำแพงพักใจ นำร่องสร้างพื้นที่ปลอดภัย นร. นักศึกษา

"เสมา 1" เซ็น MOU กรมสุขภาพจิต-สปสช.-มูลนิธิกำแพงพักใจ นำร่องสร้างพื้นที่ปลอดภัย นร. นักศึกษา

เสมา 1” เซ็น MOU กรมสุขภาพจิต-สปสช.-มูลนิธิกำแพงพักใจ นำร่องสร้างพื้นที่ปลอดภัย นร. นักศึกษา

วันที่ 7 ส.ค. 67 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับกรมสุขภาพจิต สปสช.เขต 13 และมูลนิธิกำแพงพักใจ ในโครงการ “ที่พักใจให้เยาวชน” เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยและดูแลสุขภาพจิตวัยรุ่น โดยนำร่องกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุ 15-25 ปี มีภูมิลำเนาตามบัตรประชาชน หรือเรียน/ทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 4,000 ราย ให้สามารถรับการปรึกษาด้านสุขภาพจิตกับจิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก นักจิตวิทยาการปรึกษา และอาสาสมัครผู้ดูแลใจ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจนถึงเดือนมิถุนายน 2568

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการขับเคลื่อนภารกิจหลักด้านการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้าน ด้วยการขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” เพื่อยกระดับคุณภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียน นักศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา ด้วยการเรียนรู้อย่างมีความสุขและมีทักษะชีวิต จากสถานการณ์สุขภาพจิตของผู้เรียนในปัจจุบัน กระทรวงศึกษาธิการได้ให้ความสำคัญ และให้ความตระหนักเป็นอย่างมาก มีการดำเนินโครงการและกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ ซึ่งได้นำนโยบายการส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตกระทรวงศึกษาธิการสู่การปฏิบัติในสถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมให้กับนักเรียน นักศึกษา และพัฒนาคุณภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถส่งเสริม สนับสนุน ดูแลและให้การช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งมีการบูรณาการ การทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง การดำเนินการโครงการที่พักใจให้เยาวชนร่วมกันครั้งนี้ เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยและเพิ่มมิติการดูแลและทำงานด้านสุขภาพจิต ทำให้ครูมีสื่อและช่องทางแนะนำนักเรียน นักศึกษาให้สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตได้โดยตรงกับผู้เชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น ทำให้ได้รับการดูแลสุขภาพจิตได้ทันต่อสถานการณ์ มีความปลอดภัย เกิดการเรียนรู้ที่สมวัยอย่างมีความสุข

เสมา 1 เซ็น MOU กรมสุขภาพจิต-สปสช.-มูลนิธิกำแพงพักใจ

ข่าวที่น่าสนใจ

นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรมสุขภาพจิต มีวิสัยทัศน์ให้ประชาชนมีสุขภาพจิตดีสู่สังคมและเศรษฐกิจมูลค่าสูง โดยการดูแลวัยรุ่นและเยาวชนไทยให้มีปัญญา อารมณ์ดี เป็นเยาวชนที่มีคุณภาพของสังคม โดยกรมสุขภาพจิตให้การสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพให้แก่ จิตอาสา ผู้ที่ผ่านการอบรมให้เป็น “ผู้ดูแลใจ” ภายใต้ ‘โครงการที่พักใจให้เยาวชน’ เพื่อเพิ่มจำนวนบุคลากรทางด้านสุขภาพจิต ให้สามารถรองรับการดูแล ช่วยเหลือสุขภาพจิตของวัยรุ่นและเยาวชนในการให้บริการได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ โดยกรมสุขภาพจิตจะเป็นหน่วยงานในการรับ ส่งต่อ ติดตาม ดูแล ฟื้นฟู อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสได้รับการดูแลช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตได้อย่างรวดเร็ว และเท่าเทียม

นางบุญสิงห์ มีมะโน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สปสช.ให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพจิตและตระหนักถึงการดูแลที่ต้องครอบคลุมถึงสุขภาพจิตของประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ในปีงบประมาณ 2567 ได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อเปิดทางเลือกให้เยาวชนในกรุงเทพมหานคร ที่มีภาวะเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต มีความเสี่ยงต่อซึมเศร้าและ ฆ่าตัวตาย เข้าถึงบริการการประเมินความเครียด เข้ารับบริการให้การปรึกษาสุขภาพจิตทางไกล (Tele-mental health) โดยจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือผู้สนับสนุนทางสุขภาพจิตผ่านแอปพลิเคชันอูก้า ซึ่งโครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการผลักดันให้เยาวชนเกิดการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตที่มีความทั่วถึง ถ้วนหน้า ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพจิตสำหรับทุกคนในอนาคต ช่วยลดผลกระทบจากการตีตราในผู้ที่มีปัญหาด้านจิตใจและทำให้วัยรุ่นและเยาวชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

แพทย์หญิงพันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ ประธานมูลนิธิกำแพงพักใจ กล่าวว่า มูลนิธิกำแพงพักใจ ก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยลดอุปสรรคการเข้าถึงบริการสุขภาพจิตที่ดีและมีคุณภาพแก่เยาวชน ได้ให้บริการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตแก่เยาวชนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 มากกว่า 3,000 ราย โดยในปี 2567 นี้ ได้รับการสนับสนุนการทำงานเพื่อให้เยาวชนเข้าถึงโอกาสในการดูแลสุขภาพจิตมากยิ่งขึ้น สำหรับเยาวชนหรือครู ที่ให้การปรึกษาสามารถแนะนำนักเรียน นักศึกษา อายุ 15-25 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมโครงการที่พักใจให้เยาวชน ผ่านดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ‘อูก้า’ (ooca) และเลือกสิทธิ์ “กำแพงพักใจ” เพื่อรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ความสำเร็จของความร่วมมือในพื้นที่นำร่องเขตกรุงเทพมหานครครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายบริการการดูแลและให้การปรึกษาสุขภาพจิต การสร้างพื้นที่ปลอดภัยเด็กและเยาวชนให้ครอบคลุมพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง
รมว.วัฒนธรรม เปิดงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเลครั้งที่ 14 ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว กระบี่ เร่งส่งเสริมวิถีชีวิต วัฒนธรรมชาวเล

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น