“ทหารตรึงกำลัง รถถังเต็มพื้นที่ ย้อนเหตุการณ์ นาทีต่อนาที 15 ปี โค่นล้ม “ทักษิณ”

คลื่นฝูงชนเรือนแสน ที่สวมใส่เสื้อยืดสีเหลือง โพกผ้าคาดศีรษะเขียนคำว่า "กู้ชาติ" ตัวแดงๆ พร้อมอุปกรณ์มือตบเคาะกันสนั่นหวั่นไหว ท่ามกลางการปราศรัยปลุกระดม ภายในม็อบชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ขยายฐานมวลชน "คนไม่เอาชินวัตร" กว้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2548 โดยมี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เป็นแกนนำคนสำคัญ 

“สนธิ ลิ้มทองกุล” ขึ้นเวที รวมพลังขับไล่ “ทักษิณ”

การชุมนุมดังกล่าว เริ่มบานปลายใหญ่โตในปี พ.ศ.2549 ผู้คนจากหลากหลายอาชีพเข้าร่วมมากเป็นประวัติการณ์ ก่อนจะเปิดตัวกลุ่ม “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” การชุมนุมยืดเยื้อ ส่อทวีความรุนแรงจนเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน กับกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้น ต่อมาจึงได้ประกาศให้มีการยุบสภา จัดเลือกตั้งขึ้นใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549

ในห้วงเวลาดังกล่าวข่าวลือสะพัดหนาหูว่า “ทหารจะทำการปฏิวัติ” มีการสับเปลี่ยนกำลัง ขนย้ายรถถังจากค่ายนู้นค่ายนี้กันให้วุ่นวาย โยกย้ายนายทหารระดับคุมกำลังจำนวน 129 นาย แต่เมื่อสอบถามไปยัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ตอบยืนยันกลับมาว่า “ถึงวงรอบก็สับเปลี่ยนกำลัง และการปฏิวัติก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือ” ประกอบกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศยกระดับการชุมนุมครั้งใหญ่ ในวันที่ 20 กันยายน 2549 ด้านฝ่ายสนับสนุนนายทักษิณ ระดมประชาชนชุมนุมในวันเดียวกัน

 

 ” 19 กันยายน ” ผบ.ทบ. ปฏิบัติการรัฐประหาร โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เปิดเพลง “ความฝันอันสูงสุด” 

ในแวดวงสื่อมวลชน ข่าวลือยังคงแพร่สะพัดตลอดช่วงเช้า เพียงแต่ไม่มีใครรู้กำหนดการแน่ชัดว่าทหารจะลงมือเมื่อไหร่ ต่อมามีคำสั่งจากทางรัฐบาลภายใต้การนำของ นายทักษิณ ชินวัตร ได้เรียกผู้นำทุกเหล่าทัพเข้าประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่มีผู้นำเหล่าทัพคนใดเข้าร่วม ยกเว้น พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ส่วน พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ปฏิบัติภารกิจอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซ้ำยังมีข่าวลือว่า รัฐมนตรีและนักการเมืองหลายคนหลบหนีออกนอกประเทศ และช่วงค่ำวันเดียวกัน ประชาชนกระจายข่าวมีกำลังทหารหน่วยรบพิเศษ มุ่งหน้ากรุงเทพมหานคร

จวบจนเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ ของวันที่ 19 กันยายน 49 เริ่มเห็นรถถังทหารวิ่งบนถนนหน้าลานพระรูปทรงม้า  “การรัฐประหารน่าจะเริ่มขึ้นแล้ว”

เวลาประมาณ 21.00 น. กำลังทหารจากพลร่มป่าหวาย หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ประจำการที่กองบัญชาการกองทัพบก ล่วงเลยมาจน 22.00 น. ขบวนรถถังคุมเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์และถนนราชดำเนิน ทหารจำนวนมากออกมาตรึงกำลังตามถนนต่างๆ ตั้งแต่แยกเกียกกาย ผ่านมาถึงถนนราชสีมา บริเวณสวนรื่นฤดี สี่แยกราชตฤณมัยสมาคม (สนามม้านางเลิ้ง) โดยมีทหารแต่งกายลายพรางเต็มยศเป็นผู้ควบคุมกำลัง หน้าตาขึงขัง น้ำเสียงที่ใช้พูดจากับประชาชนหนักแน่นชวนให้ขนลุก

ต่อมาโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยออกอากาศทางสถานีทุกช่อง ขึ้นคำประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมขออภัยในความไม่สะดวก และเปิดเพลง “ความฝันอันสูงสุด” หลังจากนั้น พลตรี ประพาศ ศกุนตนาค อดีตโฆษก ททบ.5 อ่านแถลงการณ์คณะปฏิรูปการปกครองฯ ที่แสดงไว้ในหน้าจอก่อนหน้านี้ซ้ำสองครั้ง

 

ทักษิณ ชินวัตร” ออกแถลงการณ์สถานการณ์ฉุกเฉิน จากสหรัฐอเมริกา

เวลา 22.15 น. วันที่ 19 กันยายน นายทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์สถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครผ่านดาวเทียมจากสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี แต่เมื่ออ่านแถลงการณ์ได้ 3 ฉบับ ก็มีกำลังทหารพร้อมอาวุธกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปยังสถานีฯ พร้อมออกคำสั่งให้หยุดการแพร่ภาพโดยทันที จากนั้นนายทักษิณปรับกำหนดการที่จะขึ้นแถลงต่อสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ แต่แล้วก็ยกเลิกการขึ้นแถลง พร้อมขึ้นเครื่องบินเที่ยวพิเศษเดินทางออกจากนครนิวยอร์กไปกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ทหารตรึงกำลัง หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์

บริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เป็นที่พักของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี รถถังแน่นล้อมรอบบ้านพัก ผู้สื่อข่าวหลายสำนักทยอยเดินทางมาปักหลักหน้าคอนโดมิเนียมเล็กๆ ย่านดังกล่าว

บรรยากาศถนนหนทางเงียบสงัด การรัฐประหารราบรื่นด้วยดี ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเข้าปะทะโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง กลางดึกวันที่ 19 ยาวไปจนเช้าวันที่ 20 กันยายน ทหารยังคงสแตนด์บายอย่างต่อเนื่องเข้มแข็ง แต่สีหน้าท่าทางเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น นั่นก็หมายความว่า บรรดาผู้นำเหล่าทัพได้เข้ายึดอำนาจเป็นการสำเร็จอย่างไม่มีการเสียเลือดแต่อย่างใด

 

 

พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ภายหลังเกิดการรัฐประหาร พลเอกสนธิ ให้สัมภาษณ์สื่อไทยและต่างประเทศ ยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่ไม่เกิน 2 สัปดาห์ และใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในราวต้นเดือนตุลาคม พ.ศ.2550 และกำลังอยู่ระหว่างการสรรหาผู้ที่เหมาะสมจะมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ ซึ่งจะมาจากคนกลางที่รักประชาธิปไตย และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

สำหรับการดำเนินการกับอดีตนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ตามที่ก่อนหน้านี้มีผู้ฟ้องร้องดำเนินคดีไว้ แต่ไม่มีแนวคิดที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเหมือนที่เกิดขึ้นในยุค รสช. และยังไม่มีแนวคิดยึดหุ้นชินคอร์ปคืนจากกลุ่มเทมาเส็ก และจะประกาศยกเลิกคณะปฏิรูปการปกครองฯ ทันทีเมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ

 

“ทหาร” ชิงลงมือก่อน ชุมนุมใหญ่ ขณะที่ “ทักษิณ” อยู่นิวยอร์ก

พลเอกสนธิ ให้สัมภาษณ์ว่า เดิมทีวางแผนดำเนินการรัฐประหารในวันที่ 20 กันยายน เพื่อให้ตรงกับการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ที่กำหนดแล้ว แต่การรัฐประหารต้องถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นวันที่ 19 กันยายน ขณะที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ระหว่างการเข้าประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อมาได้มีการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ได้ทำการแต่งตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งการรัฐประหารครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในเดือนต่อมา หลังจากมีกำหนดจัดในเดือนเมษายน แต่ถูกสั่งให้เป็นโมฆะไป

 

“ทหาร” คือฮีโร่ ขี่ม้าขาวทำบ้านเมืองสงบสุข

“ดอกไม้เบ่งบานทั่วกรุงเทพมหานคร ตามถนนสองข้างทางมีรถทหารจอดนิ่ง ประชาชนนำดอกกุหลาบสีต่างๆ ไปปัก มอบเพื่อขอบคุณพร้อมให้กำลังใจทหาร รถถัง รถทหารจากทัพต่างๆ ถูกประดับประดาด้วยดอกไม้นานาชนิด บริเวณกองบัญชาการกองทัพบกหนาแน่นไปด้วยประชาชนขอถ่ายรูปคู่ทหาร ยกย่อง “พล.อ.สนธิ เป็น วีรบุรุษชาวไทย” และ “ขนานนามว่าเป็น กองทัพเพื่อประชาชน”

สอดคล้องกับที่ หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวชื่นชม ถือเป็นการยึดอำนาจที่เรียบร้อยที่สุด ไม่มีเสียเลือดเสียเนื้อ รู้สึกสบายใจว่ามันคงไม่กระทบความเชื่อมั่น เพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ประชาชนยอมรับ ขณะที่ต่างชาติก็รู้สึก ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุน

***ทว่าในห้วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ภายหลังการรัฐประหาร รัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ประเทศชาติบอบช้ำ สะบักสะบอม เกิดการแตกแยกแบ่งฝักฝ่าย รบราฆ่าฟันสู่การเสียเลือดเสียเนื้อหลายร้อยศพ ไม่รวมบาดเจ็บพิการ และติดคุกในข้อหาต่างๆ … ก็จริงอยู่ที่ว่า “การเมืองเป็นเรื่องของประชาชน” แต่เท่าที่ผ่านมา  ทำให้ตกผลึกความคิดได้ว่า “ประชาชน อาจะตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองไปโดยปริยาย”

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ครม. ตั้ง "พลภูมิ" นั่งผู้ช่วยรัฐมนตรีวัฒนธรรม รอบ 2
"พิชัย" รุกการค้าจีน หารือกลุ่มธุรกิจไทยในเซี่ยงไฮ้ เร่งส่งเสริมทุกมิติขยายโอกาสลงทุน-ส่งออก
บุกแจ้งจับ “หมอปลาย พรายกระซิบ” ทำนายเสี้ยม “อุ๊งอิ๊ง” ใส่ร้าย “บิ๊กตู่”
วุ่นทั้งวัด หนุ่มคลั่งหนัก ทำร้ายร่างกายอดีตครูหญิง เจ็บสาหัส อ้างโมโหโดนทวงเงิน 100 บาท
สลด ตร.เร่งล่า "ไอ้ตั้ม" ผิดใจพี่สาว ทุบหัว-ยิงทิ้งดับคาใต้ถุนบ้าน
"พรรคแรงงานสร้างชาติ" เปิดตัวศูนย์ประสานงานพรรค อาสารับใช้คนสุรินทร์ชูนโยบาย "คนทํางานต้องมีรายได้ ประชาชนทุกคนต้องมีรายได้"
ฮือฮา "ชาวชัยนาท" พบพระพุทธรูป หนัก 15 กก. ลอยตามน้ำ อัญเชิญตั้งบูชาที่ศาลา พร้อมแห่สองเลขเด็ด
ตร.เร่งล่า "แหม่มรัสเซีย" แทงเพื่อนรวมชาติปางตาย คาดปมหึงห่วง
ระทึกกลางดึก บ้านไม้ 2 ชั้น พังถล่มทับเจ้าของบ้าน ซ.เจริญกรุง 99 จนท.ระดมช่วยปลอดภัย
กรมอุตุฯ เตือน ฉบับ 12 ไทยตอนบนอากาศแปรปรวน ภาคใต้ฝนถล่มหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น