เมื่อเวลา 13.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่งนายกฯ ถือว่าผิดคาดหรือไม่ ว่า แล้วสื่อผิดคาดหรือไม่ เหมือน ๆ กันทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนที่จะส่งร่างคำชี้แจงให้ศาลรัฐธรรมนูญ มั่นใจแล้วใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนดูแค่เพียงนิดหน่อย ไม่ได้ดูมากมายอะไร เพราะมีทีมนายกฯที่ทำอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ตอนที่ดูได้เห็นจุดอ่อนของคำชี้แจงหรือไม่ อย่างเช่น เป็นนักธุรกิจไม่รู้กฎหมาย นายวิษณุ กล่าวว่า จริง ๆ ไม่เรียกว่าจุดอ่อนหรอก เพราะเวลาแก้คดี ปกติมันต้องแก้ทุกประเด็น ประเด็นไหนที่ฟังไม่ขึ้นศาลก็ยก อย่างคดีธรรมดาเวลาขึ้นศาล จำเลยต้องเถียงก่อนเสมอว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
หรือคดีขาดอายุความ หรืออาจจะมีเหตุผลอื่น ซึ่งมีสูตรของมันอยู่แล้ว และก่อนหน้าที่จะมีการยื่นก็มีการพูดกันว่าวุฒิสภาหมดวาระไปแล้ว ไม่สามารถที่จะยื่นได้ เขาให้ทำเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่ แต่หลักการยื่นเป็นเรื่องของสิทธิ ตรงนี้อาจจะเป็นประเด็นที่ยกมาได้ แต่ในคำให้การของนายกฯ ไม่มีส่วนนี้ ฉะนั้น เมื่อถึงเวลามันจะยกอะไรขึ้นมาก็ได้ เมื่อถามว่า ตอนที่ดูร่างคำชี้แจง ได้ท้วงติงตรงไหนหรือไม่ ที่เห็นว่าน่าจะเป็นจุดบกพร่อง นายวิษณุ กล่าวว่า มีอยู่ ตนได้ท้วงติงบางจุดไป แต่คงยกตัวอย่างให้ไม่ได้
สื่อถามว่า ไม่ได้เสียความมั่นใจใช่หรือไม่ ที่คนคาดหวังว่าเข้ามาช่วยนายเศรษฐาแล้ว นายเศรษฐาจะรอดพ้นจากคดี นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ขอให้เป็นเรื่องระหว่างตนกับภายในแล้วกัน พูดไม่ได้ อย่าไปคาดกันสิ คาดทำไม ตนไม่มีความสามารถ ตนก็อาจจะพลาดได้ ก็ดูกันหลายหูหลายตา อย่างนี้ดีกว่า อย่างน้อยก็มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 เสียงที่เห็นด้วย มีต่างกันแค่คนเดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่อไปการแต่งตั้งรัฐมนตรี ถือว่าศาลมีการวางหลักไว้ให้แล้วใช่หรือไม่ หลังจากมีกรณีของนายเศรษฐาออกมา นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ต้องตรวจสอบ แม้กระทั่งความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ก็ต้องตรวจสอบ ถือเป็นบรรทัดฐาน ซึ่งอาจจะไม่ใช่บรรทัดฐานใหม่ เพราะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่วิธีตรวจสอบ
ต่อไปนี้ก็อาจจะต้องเข้มงวดขึ้น เวลาสอบถามประวัติ อาจจะต้องถามมากกว่านี้ อาจจะต้องเงี่ยหูสดับตรับฟังว่ามีข่าวลืออะไรหรือไม่ และตรวจสอบ เมื่อถามว่า ถ้าวิญญูชนสงสัยก็จะปฏิเสธไม่ได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ศาลไม่ได้พูดถึงขนาดนั้น ศาลพูดแต่เพียงว่าผู้ถูกร้องจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะวิญญูชนทั่วไปเขายังรู้ มันไม่ใช่วิญญูชนรู้แล้วมันจะต้องผิด