“ทักษิณ” ยันเอง ไม่มี “บิ๊กป้อม” โทรเคลียร์ใจ ไม่ยุ่งขัดแย้งพปชร. หนุนฝ่ายทุ่มเททำงานรัฐ ปชป.ร่วมเป็นไปได้

"ทักษิณ" ยันเอง ไม่มี "บิ๊กป้อม" โทรเคลียร์ใจ ไม่ยุ่งขัดแย้งพปชร. หนุนฝ่ายทุ่มเททำงานรัฐ ปชป.ร่วมเป็นไปได้

ทักษิณ” ยันเอง ไม่มี “บิ๊กป้อม” โทรเคลียร์ใจ ไม่ยุ่งขัดแย้งพปชร. หนุนฝ่ายทุ่มเททำงานรัฐ ปชป.ร่วมเป็นไปได้

วันที่ 20 ส.ค.67 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากพรรคเพื่อไทย พร้อมให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ไม่เคยได้ยินเสียงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐโทรหาเลย แต่ได้ยินเสียงลอดปลายสายจากหัวหน้าพรรคคนอื่น ย้ำว่าไม่มีการพูดคุยกับพลเอกประวิตรเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล เพราะถือเป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรค แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ใครทำสิ่งไหนไปต้องรู้ตัวเอง และปัญหาที่เกิดขึ้นกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ จะไม่ส่งผลกระทบกับการจัดตั้งรัฐบาล เพราะพรรคร่วมรัฐบาลมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลอยู่ เนื่องจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อช่วยกันกลั่นกรองดูแลเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยมากที่สุด

ส่วนกรณีความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐระหว่างพลเอกประวิตร และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ฝ่ายไหนจะเหมาะกับการเข้าร่วมรัฐบาลมากที่สุด นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องเป็นฝ่ายที่ทุ่มเทให้กับรัฐบาลมาโดยตลอดก็น่าจะเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง พร้อมระบุ ว่าพลเอกประวิตร ไม่ได้โทรศัพท์พูดคุยกับตน อาจจะเป็นคนรอบข้างพลเอกประวิตรไปบอกว่าได้พูดคุยกับตนเอง แต่ยืนยันว่า ไม่ได้คุยกับพลเอกประวิตร

ทักษิณ ยันเอง ไม่มี บิ๊กป้อม โทรเคลียร์ใจ

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่กระแสข่าวจะไม่มีตระกูล“วงษ์สุวรรณ” ร่วมรัฐบาลนั้น ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยนายทักษิณ หัวเราะพร้อมระบุว่าให้เป็นไปตามเพลง “อัสนี วสันต์”ที่ร้องว่า ถ้าจะมาก็มาทั้งตัว

ขณะที่กระแสข่าวพรรคประชาธิปัตย์จะเข้่มาแทรกร่วมรัฐบาลในช่วงที่พรรคพลังประชารัฐมาไม่ครบนั้น นายทักษิณ มองว่า เป็นไปได้อยู่แล้ว และเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะต้องมีเสียงให้เกิดเสถียรภาพ เพราะปัญหาประเทศมีจำนวนมาก โดยเฉพาะจะต้องเปลี่ยนในเรื่องโครงสร้างด้านเศรษฐกิจ ซึ่งต้องอาศัยการแก้กฎหมาย อาศัยเสียงสนับสนุนจากสภา ดังนั้นต้องมั่นใจว่าเมื่อรัฐบาลมีเสียงพอถึงจะเกิดความเชื่อมั่น ในประเทศไทย และย้ำว่าตนเองไม่ได้ผูกใจเจ็บ พลเอกประวิตร เพราะโดนเยอะมากที่สุด และไม่ได้ไปใส่ใจในอดีตอยู่แล้ว อยู่กับวันนี้และพรุ่งนี้

 

 

ส่วนกรณีคุณสมบัติของร้อยเอกธรรมนัส ที่อาจจะไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น นายทักษิณ มองว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา ถ้าสมมติว่าคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรออกมาว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ไม่เช่นนั้นนายกรัฐมนตรี จะอยู่ในฐานะเช่นเดียวกับนายเศรษฐา ทวีสิน และถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน จึงเป็นเรื่องที่ไม่ดี และหากมีประวัติสุ่มเสี่ยงก็ไม่ควร แต่ทุกคนควรเสียสละเพื่อให้การเมืองต่อเนื่อง พร้อมมองว่า คนที่จะเข้ามาร่วมงานรัฐบาล จะต้องสนับสนุนงานรัฐบาล แต่พลเอกประวิตร ไม่ได้ไปโหวตสนับสนุนนางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี จึงต้องไปถามพลเอกประวิตรเอง ถึงสาเหตุว่าทำไมไม่มาโหวต

ส่วนที่มีกระแสข่าว นางสาวแพทองธาร จะนั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายทักษิณ กล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่ เนื่องจากแค่นี้ก็หนักแล้ว โดยนายทักษิณ ไม่ทราบว่า ตำแหน่งนี้จะเป็นทหารหรือพลเรือน แล้วแต่คณะกรรมการบริหารพรรคจะดูว่าใครมีความเหมาะสม คงต้องเลือกกันอีกที พร้อมมองว่าขณะนี้กองทัพมีความทันสมัยขึ้นมาก และอดีตที่ผ่านมาก็ต้องเรียนรู้ แต่ปัจจุบันและอนาคตเป็นสิ่งที่วางรากฐานไว้ให้ลูกหลานและประเทศ และย้ำว่า ยังไม่ทราบว่า จะเป็นพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก เพราะเรื่องนี้อาจถูกเสนอมาโดยพรรคร่วมรัฐบาลก็ได้ แต่ย้ำว่าเรื่องนี้ในตำแหน่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย ซึ่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง จึงเป็นโควตาของพรรคอื่นได้

ทั้งนี้ไว้ใจกองทัพและสถานการณ์การเมืองมากน้อยแค่ไหนนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้สำคัญคือรัฐบาลต้องทำหน้าที่ให้ประชาชนเป็นที่พอใจโดยเร็วที่สุด เรื่องอื่นเป็นเรื่องที่หลัง โดยวันนี้ปัญหาเร่งด่วนคือเรื่องหนี้สิน การไม่สามารถใช้จ่ายเงินได้ของประชาชน ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ดังนั้น การสร้างความเชื่อมั่นกับ “รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ 1“ ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่การเมืองมีข้อจำกัดอยู่ สามารถทำได้ในระดับหนึ่ง แต่ภาวะผู้นำมีความสำคัญมาก โดยจะต้องนำองคาพยพทั้งระบบราชการ และเอกชนมาร่วมกันทำงาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก

 

 

ขณะที่มีระเบิดอีกลูก คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้กลับมาในยุคนางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่ใช่ระเบิดเวลา แต่หากจะกลับก็มีกลไกอยู่ และไม่มีดีลใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด และตนเองก็ไม่เคยมีดีลกับใคร ถ้ามีดีลจริงป่านนี้ก็มีเรื่องประหลาด ๆ ออกมาแล้ว

ทั้งนี้หลังได้รับตำแหน่ง ได้มีการพูดคุยกับบุตรสาวหรือไม่ว่าหายตื่นเต้นหรือยัง คงต้องไปถามเจ้าตัวเอง แต่ตนเองตื่นเต้นตลอดเวลา และย้ำว่าไม่มีการครอบงำนางสาวแพทองธาร มีแต่ครอบครองเพราะเป็นลูกสาว และไม่กังวลว่าคนจะนำไปร้อง “ผมสบายๆ อยู่แล้วอยากจะร้องก็ร้องให้ดัง”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ตร.นำกำลังทลายแคมป์ "แรงงานต่างด้าวเถื่อน" นับร้อย ย่านหนองใหญ่-ชลบุรี เตรียมผลักดันออกนอกประเทศ
‘โฆษก ทบ.’ แจง ‘เจ้ากรมยุทธฯ’ ทำร้ายทหาร เหลือสอบพยาน 2-3 ราย ทำได้แค่ตักเตือน ส่วนคดีอาญา เจ้าทุกข์ต้องดำเนินการ
"อ.ปานเทพ"กางเอกสาร JC2544 อ้างไทย-กัมพูชา เคยรับรอง MOU 44 เป็นสนธิสัญญา
"ดร.ศิลปฯ" อดีตผู้สมัคร สส.เพื่อไทย รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนทวีธาภิเศก ปี 67 ปักธงสนับสนุนด้านกีฬากับเยาวชน
"แม่บ้าน" ส่อชวดรับมรดก 100 ล้าน หลัง "แหม่มฝรั่งเศส" ยกมรดก 100 ล้าน ให้ก่อนจบชีวิต
ตร.ปคบ.บุกทลายโรงงานเครื่องสำอางเถื่อน ลอบผลิต-ส่งขายทั่วภาคอีสาน ยึดของกลางกว่า 4 หมื่นชิ้น
ชาวบ้าน 2 ตำบลเฮ ขอบคุณป่าไม้ที่อนุญาติให้ อบต.สร้างถนนลัดไปอำเภอ หลัง สว.สุรินทร์ หารือในการประชุมวุฒิสภาช่วยแก้ปัญหาชาวบ้าน เป็นของขวัญปีใหม่
"แม่สามารถ" ยื่นจดหมายลับใส่มือนักข่าว อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ปรเมศวร์” เตือน “อธิบดีกรมที่ดิน” เสี่ยงโดนม.157 ปมเขากระโดง
ผู้จัดการตลท. พร้อมให้ข้อมูล คดี “หมอบุญ” เตือนนักลงทุน ใช้สติก่อนตัดสินใจ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น