รอ “อุ๊งอิ๊ง” ฟันธง เตะโด่ง “ลุงป้อม” เทียบเชิญ “ปชป.” เสียบแทน

ขนาด “ภูมิธรรม เวชยชัย” ผู้จัดการรัฐบาลในฐานะรองนายกรัฐมนตรีมือขวา “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำสูงสุดพรรคเพื่อไทย ยังไม่กล้าฟันธง / ต้องรอให้ “อุ๊งอิ๊ง” นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้ขาด  ตอบแต่เพียงว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์เลย  พร้อมกับย้ำว่า การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของนายกฯเพียงผู้เดียว  ฉะนั้นนายกฯจะต้องเลือกทีมครม. เข้ามาร่วมงาน  เพื่อให้เกิดความเหมาะสม  และนายกฯต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นนายกฯ จึงมีสิทธิ์ที่จะเสนอหรือเลือกใครก็ได้ ที่คิดว่าเหมาะสม การเจรจาพูดคุยกันหากหลายเรื่องยังไม่ตกลงก็เปลี่ยนแปลงได้ การที่พรรคใดยกมือสนับสนุน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีตัวแทนเป็นครม. เช่น พรรคไทยสร้างไทย ที่โหวตสนับสนุน “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกรัฐมนตรี 6 เสียง หรือครั้งที่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ยกมือสนับสนุน “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วย 19 เสียง ก็ไม่เห็นมีตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่ประเด็น นายกฯมีสิทธิ์เลือก  หากรัฐมนตรีพอแล้วในระดับพรรคการเมืองที่มาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ก็เลือกบุคคลที่สำคัญ  ซึ่งในอดีต มีทั้งนักกฎหมายและผู้ที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน นายกฯ ก็สามารถเลือกคนเหล่านี้เข้ามาได้

ขณะที่ความเคลื่อนไหวพรรคประชาธิปัตย์ ดาหน้ากันออกมาแถลง  อาทิ “อลงกรณ์ พลบุตร” รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์  การันตี “ชวน หลีกภัย” ผู้นำอาวุโสพรรคประชาธิปัตย์  จะไม่ถูกขับออกจากพรรคประชาธิปัตย์  แม้จะไม่เห็นด้วยที่จะไปร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย  เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไม่มีวัฒนธรรมขับสมาชิกที่เห็นต่าง ตนอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มากว่า 30ปี ยังไม่เคยเห็นพรรคขับสมาชิกกรณีมีความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน

“ชวน หลีกภัย” เป็นถึงอดีตหัวหน้าพรรคและเป็นสมาชิกอาวุโสคนหนึ่งของพรรคเช่นเดียวกับ  บัญญัติ บรรทัดฐาน , เอนก ทับสุวรรณ  ,เทอดพงษ์ ไชยนันทน์ , ไพฑูรย์ แก้วทอง  จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์  ทุกคนยังทำงานให้พรรคและสมาชิกทุกคนให้ความเคารพทุกท่านตลอดมา  อาจมีความคิดต่างกันบ้างในบางเรื่องบางนโยบายรวมทั้งมติการร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมก็เคยมีมาหลายครั้ง ถือเป็นเรื่องปกติภายในพรรคประชาธิปัตย์  แต่เมื่อพรรคมีมติอย่างใดทุกคนก็เคารพและไม่เคยมีการลงโทษหรือขับไล่สมาชิกที่เห็นต่างจากพรรค