‘หมอปลา’ บุกแฉวัดดัง เปิดเป็นศูนย์บำบัดฯ แต่ทำกับ 200 กว่าชีวิตเยี่ยงสัตว์ เหมือนขังคุก!

ผู้ว่าฯกาญจนบุรี ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือ กรณี “หมอปลา” ร้องเรียนวัดดังเปิดศูนย์บำบัดยาเสพติด แต่ทำร้ายผู้เข้าบำบัดฯ  พร้อมเรียกเงินค่ารักษา หากไม่มีจ่ายไม่ให้กลับบ้าน

ความคืบหน้ากรณี เพจเฟซบุ๊ก หมอปลาช่วยด้วย ได้ทำการไลฟ์สดนาที บุกเข้าช่วยเหลือประชาชน 216 คน ที่เข้ารับการบำบัดติดยาเสพติด ภายในศูนย์บำบัดยาเสพติดซึ่งตั้งอยู่ที่วัดชื่อดังแห่งหนึ่ง อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ภายหลังจากที่มีผู้ปกครองของผู้บำบัดยาเสพติดติดต่อมา เนื่องจากถ้าจะเอาลูกชายออกจากสถานที่แห่งนี้ ทางวัดคิดเงินค่าออกไปหัวละ 10,000 บาท ซึ่งผู้ที่มาบำบัดยาที่นี่ต้องเสียเงินแรกเข้า 12,000 บาท และเสียรายเดือนเดือนละ 2,000 บาท หากจะบวชเสียเงินอีก 20,000 บาท แล้วจะอยู่สบายกว่านี้ อีกทั้งมีคนกว่า 300 คน แต่มีห้องน้ำเพียงแค่ 2 ห้องเท่านั้น หากจะออกจากที่นี่จะต้องจ่ายเงิน อีก 10,000 บาท

ล่าสุด นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้เดินทางลงพื้นที่วัดท่าพุราษฏร์บำรุง ด้วยตนเอง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามข้อร้องเรียนหรือไม่ และได้ร่วมพูดคุยกับทางพระและเจ้าหน้าที่ของศูนย์บำบัด ขณะที่หมอปลายืนยันว่า ตนเองได้รับการร้องเรียน รวมถึงมีหลักฐานยืนยันว่าสถานบำบัดแห่งนี้ มีการทำร้ายร่างกายผู้เข้ารับการบำบัด มีการกักขังผู้เข้ารับการบำบัดไว้ในโรงนอนที่มีความแออัด และมีห้องน้ำเพียง 2 ห้อง ในขณะที่มีผู้เข้ารับการบำบัดอาศัยอยู่ภายในเรืองนอนถึง 216 คน พร้อมขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีพูดคุยสอบถามข้อมูลกับกลุ่มผู้บำบัดโดยตรง  ซึ่งทำให้กลุ่มเจ้าหน้าที่ของศูนย์บำบัดเกิดความไม่พอใจจนมีปากเสียงโต้เถียงกันไปมาหลายครั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีจึงได้สรุปว่า จะได้ประสานเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 17 นำรถทหาร มารับกลุ่มผู้บำบัด ที่อยู่ในเรือนนอนจำนวน 216 คน รวมถึง กลุ่มผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์อยู่ภายในกุฏิอีกหลายสิบคน ไปอยู่ที่ค่ายทหารเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าสถานที่เรือนนอนภายในศูนย์บำบัดมีความคับแคบ แออัด และไม่มีความพร้อมในการดูแลผู้เข้ารับการบำบัดจำนวนมาก จึงให้มีการเคลื่อนย้ายผู้เข้ารับการบำบัดทั้งหมดกว่า 300 คนไปอยู่ที่ค่ายฝึก เขาชนไก่เป็นการชั่วคราวโดยทันที

โดยเมื่อช่วงเวลา 19.30 นาฬิกา รถทหารจากมณฑลทหารบกที่ 17 ได้เริ่มเดินทางมารับ กลุ่มผู้บำบัดไปอยู่ที่ค่ายฝึกเขาชนไก่ทันที โดยจะขนย้ายผู้เข้ารับการบำบัดทั้งหมดกว่า 300 คนให้เสร็จสิ้น เนื่องจากผู้บำบัดส่วนใหญ่เกรงว่าหากยังต้องนอนค้างคืนที่ศูนย์บำบัดอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้

นอกจากนี้ จากการสอบถามข้อมูลกับกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด ทำให้ทราบว่า ในการมาเข้ารับการบำบัดนอกจากจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 12,000 บาท ทันทีที่เข้ามารับการบำบัดแล้ว ผู้กำกับทุกคนจะต้องถูกส่งมาอยู่ในเรือนนอนซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว ที่มีความแออัด และมีห้องน้ำเพียง 2 ห้องไม่เพียงพอกับจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดที่มากถึง 216 คน แต่หากผู้เข้ารับการบำบัดรายใดไม่อยากอยู่ในเรือนนอน ก็จะต้อง ยินยอมบวชเป็นพระสงฆ์ เพื่อจะได้ไปอาศัยอยู่ในกุฏิของพระสงฆ์ แต่ในการจะบวชพระนั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองอีก 20,000 บาทแลกกับการจะได้บวชเป็นพระและไม่ต้องอยู่ในเรือนนอน

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

พ่อเลี้ยงหื่น! มอมเหล้าลูกเลี้ยง วัย 16 ปี จนขาดสติก่อน ลวนลาม ขณะแม่อยู่ด้วยก็ไม่เว้น เครียดหนักเคยคิดสั้นฆ่าตัวตาย สุดอึ้ง!! เอาเรื่องไปบอกแม่ กลับไม่เชื่อ
พล.ต.ท.ธนายุตม์ ยื่นสำนวนคดี “แอม ไซยาไนด์” ให้อัยการด้วยตัวเอง 14 รายการ
ราชกิจจาฯเผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศ ให้ชื่อใหม่ "เจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี"
“แม่สามารถ” เครียดจัด ผูกคอคาห้องขังดีเอสไอ จนท.ช่วยระทึก ห่วงลูกจะอดข้าวประท้วง ขอความเป็นธรรม
เคราะห์ร้าย ! หนุ่มวัย 18 ปี ขี่จยย. ถูกกันสาดหล่นใส่หัวเจ็บสาหัส
ยูเครนลั่นไม่ทำลายทุ่นระเบิดอ้างถูกรัสเซียรุกราน
ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบดำเนินคดี “กลุ่มน้ำไม่อาบ” ทุกมิติ พร้อมเอาผิดตามหลักฐานคลิปที่ปรากฏ
ขุนเขา ‘ฮว่าซาน’ ่ของจีนสวยสะกดยามห่มหิมะขาว
ทหารพรานจัดกำลังตรวจค้นเก็บกู้บ่วงดักสัตว์ป่า
ผลักดัน ! แรงงานต่างด้าวมากกว่า 100 ราย ออกนอกประเทศ หวั่นเกรงมาสร้างความวุ่นวายในพื้นที่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น