“ทนายตั้ม” พานักธุรกิจชาวจีน เดินหน้าแจ้งความ “อดีตภรรยาชาวไทย” หลังถูกหลอกหย่า กวาดทรัพย์สินหนีกว่า 1 ร้อยล้าน

“ทนายตั้ม” พานักธุรกิจชาวจีน เดินหน้าแจ้งความ "อดีตภรรยาชาวไทย" หลังถูกหลอกหย่า กวาดทรัพย์สินหนีกว่า 1 ร้อยล้าน

Top news รายงาน จากกรณีที่นายเคน นักธุรกิจชายสัญชาติจีน อายุ 33 ปี เข้าร้องขอความช่วยเหลือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน หลังถูกอดีตภรรยาชาวไทย ขอหย่าร้าง อ้างเหตุผลต้องการลงสมัคร สส.พรรคการเมืองชื่อดัง ก่อนพาชายคนสนิทคนใหม่เข้าขนทรัพย์สินเกิน 100 ล้านบาท หลบหนี ทั้งยังข่มขู่ จะไล่นายเคนกลับประเทศ หากไม่กลับจะให้ตำรวจมาจับให้ติดคุก

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ ( 12 ก.ย.) เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ทนายตั้ม ได้พานายเคน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตภรรยาชาวไทยในข้อหา “ลักทรัพย์” ซึ่งได้แก่ นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ เอพี 1 เรือน ราคากว่า 1,000,000 บาท และ สุรายี่ห้อ หลุยส์ 13 อีก 1 ขวด ราคาประมาณ 108,000 บาท นอกจากนี้ ยังพบว่า ทองคำที่แม่ของนายเคนซื้อไว้ให้หลานชายหาย ได้สูญหายไปอีก ซึ่งนายเคนสันนิษฐานว่า เป็นฝีมือของภรรยา โดยนายเคนมีหลักฐานการซื้อขายและครอบครองทั้งหมด แม้ว่า จะนำนาฬิกาข้อมือกลับมาได้ แต่ก็ถือว่าความผิดได้สำเร็จไปแล้ว ส่วนฝ่ายชายให้โอกาสเข้ามาเจรจา ตกลงชดใช้ค่าเสียหาย ถ้าหากยังไม่มาก็จะแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ ซึ่งหลังจากแจ้งความดำเนินคดี นายเคนก้มีท่าทีสบายใจขึ้น

ในส่วนของทรัพย์สิน รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท ทางทนายตั้มยืนยันว่า นายเคนได้มาจากการประกอบอาชีพสุจริต ไม่ได้เป็นทุนจีนสีเทา และมีการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ส่วนอดีตภรรยาจะรับจ้างต่อวีซ่าและหนังสือเดินทางให้คนจีน โดยรับหน้าที่ในการประสานงานให้ลูกค้าของบริษัทนายเคนทั้งหมด ซึ่งหลังจากนี้จะให้ทั้งคู่มาเจรจาไกล่เกลี่ยกัน ถ้าหากสามารถตกลงกันได้ ก็จะไม่ดำเนินคดี

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนคนที่น่าสงสารที่สุดคือ นางสาวขวัญ ที่เป็นอดีตภรรยาของนายมาก ที่เป็นแฟนใหม่ของนางสาวเอวา เนื่องจากนายมาก มีประวัติคบหาผู้หญิงหลายคน และยังหลอกเอาทรัพย์สินจนหมดตัว จึงมีการนัดหมายนางสาวขวัญ มาให้ข้อมูลที่สำนักงานของตนเองในวันจันทร์ที่ 16 กันยายนนี้

 

ด้าน พันตำรวจเอก ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผู้กำกับการ สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว จึงอยากให้มีการเจรจาตกลงกันก่อน แต่ถ้ายืนยันว่า จะดำเนินคดี ก็จะมีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์หาความจริง ซึ่งกรณีการลักนาฬิกาหรูที่ทนายตั้มบอกว่า ความผิดสำเร็จแล้วนั้น ตำรวจจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาว่า ความผิดสำเร็จไปแล้วหรือไม่ โดยยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และยืนยันว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีนักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลคนใดโทรมากดดันวิ่งเต้นให้เคลียร์คดี

 

 

อย่างไรก็ตาม คนที่น่าสงสารที่สุด คือลูกของทั้งสองคน เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นถูกนำเสนอและแชร์ต่อๆกันบนโลกออนไลน์ ซึ่งอาจทำให้เป็นปมด้อยของลูกของทั้งสองคนได้.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"พิชัย" ลงนาม MOU ยกระดับทางการค้า “ไทย-อังกฤษ” เดินหน้าเจรจา FTA ต่อ
แม่ค้าบางบอน โต้กลับ "ไอซ์ รักชนก" ยันแรงงานพม่าถูกกฎหมาย
นายกพัทยาเร่งฟื้นฟู จัดระเบียบท่าเรือพัทยาใต้ หลังพบใช้พื้น ที่มาขออนุญาต ผู้ประกอบการแย่งแขกกดราม่ากันเองทำเสียหายด้านการท่องเที่ยว
"โสภณ" เผยยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับ กรรมาธิการศึกษา สำเร็จแล้ว เชื่อเป็น "ฉบับปฏิวัติการศึกษา”
พ่อค้าผ้าไหมถึงกับอึ้ง รถน้ำมันหมด แวะจอดข้างทาง เจอตำรวจจราจรน้ำใจสุดงาม ควักเงิน 200 บาท วิ่งไปซื้อน้ำมันมาช่วยเติมให้ จนได้กลับบ้าน
ธารน้ำใจแฟนข่าว ท็อปนิวส์ มุ่งหน้าสู่หนองคาย นำถุงยังชีพ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
“อนุทิน” ประกาศความสำเร็จมหาดไทยตามเป้าหมาย SDGs พร้อมจับมือทุกเครือข่าย ขับเคลื่อนความยั่งยืน
อุตุฯประกาศฉ.9 ดีเปรสชันทวีกำลังเป็นพายุโซนร้อน “ซูลิก” ขึ้นฝั่งเวียดนามคืนนี้ ไทยรับผลกระทบ ฝนหนัก ลมแรง
อุกอาจ 2 ผู้ต้องหา ทำทีขอยากันยุง-มือถือ ก่อนล็อกคอสิบเวร แหกห้องขังหลบหนี สุดท้ายไม่รอด
เช็กข้อมูลเลย "สตูล" ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วม-วาตภัย 7 อำเภอ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น