“เทพไท” ชี้แถลงนโยบายวันแรกให้คะแนน “แพทองธาร” 5 เต็ม 10 ในฐานะนายกฯมือใหม่หัดขับยังตื่นเต้น ขณะ “ณัฐพงษ์” ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้านให้คะแนน 6 เต็ม 10 ขาดลีลาไม่โดดเด่นสู้ “พิธา”ไม่ได้ ชี้ทั้งสองคนเป็นสวยถูกคู่ เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ แนะฝึกฝนฝนพร้อมให้กำลังใจ
ข่าวที่น่าสนใจ
13 กันยายน 2567 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันแรก ว่า ให้คะแนน อุ๊งอิ๊ง 5 เท้ง 6 จากเต็ม10 ผมได้เฝ้าติดตามการแถลงนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งได้เห็นบทบาทการทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีมือใหม่หัดขับ ที่ยังไม่เคยเดินเข้าห้องประชุมรัฐสภาเลยแม้แต่ครั้งเดียว การเดินการเข้าห้องประชุม ได้มีรัฐมนตรีหลายคนห้อมล้อมเดินมาส่งถึงเก้าอี้ที่นั่ง และเตรียมพร้อมการแถลงนโยบาย
ผมจะไม่ขอพูดถึงเนื้อหาการอภิปราย แต่จะพูดถึงบุคลิกภาพ วิธีการนำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งเห็นได้ชัดว่า นางสาวแพทองธารยังรู้สึกตื่นเต้นกับบรรยากาศห้องประชุม ยืนอ่านคำแถลงนโยบายตัวแข็งทื่อ น้ำเสียงราบเรียบ เนิบ ๆ ช้า ๆ เหมือนกับเด็กชั้นประถมสอบอ่านหนังสือหน้าชั้น ไม่มีการแสดงภาษากาย หรือน้ำเสียงอภิปรายแบบสูงต่ำ ทำให้การอภิปรายไม่มีชีวิตชีวา บางครั้งก็พูดสะดุดผิดๆถูกๆอยู่หลายคำ ซึ่งแตกต่างกับบุคลิกการปราศรัยบนเวทีหาเสียงที่แสดงกริยาเกรี้ยวกราด เอาจริงเอาจังผ่านสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด และการอภิปรายการแถลงนโยบายครั้งนี้ เนื้อหาก็น้อยกว่านโยบายของรัฐบาลชุดก่อนๆ ซึ่งถ้าจะให้คะแนนนางสาวแพทองธาร ในการแถลงนโยบายครั้งนี้ จะได้ 5 คะแนน จากเต็ม 10
ส่วนการอภิปรายของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ในฐานะว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งมีประสบการณ์เป็นส.ส.มา 2 สมัย ได้อภิปรายด้วยเนื้อหาที่เป็นภาพกว้าง มีการประดิษฐ์คำเพื่อเป็นสีสันในการอภิปราย จนเป็นคำพาดหัวข่าวได้ ประเด็นนโยบายเรือธงเอื้อประโยชน์ให้กับ 3 นาย คือนายใหญ่ นายหน้า นายทุน แต่ขาดลีลาการอภิปราย ไม่โดดเด่น แตกต่างกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แต่ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีระดับหนึ่ง ขอให้คะแนน 6 คะแนน จากเต็ม 10
ผมเห็นว่าทั้งนางสาวแพทองธาร และนายณัฐพงษ์เป็นมวยถูกคู่ ต่างก็เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ เป็นมือใหม่ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง 2 คนต้องฝึกฝนหาประสบการณ์ และเพิ่มทักษะในการอภิปรายการนำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้มากกว่านี้ ค่อยๆพัฒนาบทบาทเพิ่มขึ้นในโอกาสต่อไป จึงขอเป็นกำลังใจให้กับการทำหน้าที่ของทั้ง 2 คน ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง