ราคากาแฟโรบัสต้าในตลาดโลกยังคงพุ่งสูงต่อไป หลังภัยแล้ง และตามด้วยน้ำท่วมหนักในเวียดนาม ส่งผลต่อการผลิต
ความหวังที่ว่าการส่งออกกาแฟจากผู้ปลูกกาแฟรายใหญ่ของเอเชีย จะช่วยบรรเทาความร้อนแรงของราคากาแฟโรบัสต้า ที่ใช้ผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป ที่พุ่งสูงที่สุดในรอบ 50 ปีนั้น กำลังเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว หลังเวียดนาม ผู้ผลิตกาแฟโรบัสต้าหลักประมาณ 1 ใน 3 ปริมาณทั่วโลก ซึ่งก่อนหน้านี้เจอภัยแล้ง ถูกกระหน่ำด้วยฝนตกหลายสัปดาห์ ทำให้ฤดูเก็บเกี่ยวล่าช้า ฝนตกหนักเป็นอุปสรรคให้เกษตรกรไม่สามารถเก็บเมล็ดกาแฟและตากได้ และยังทำให้การขนส่งลำบากอีกด้วย
โดยก่อนหน้านี้ ฤดูฝนในเดือนสิงหาคมก็เป็นอุปสรรคอยู่แล้ว แต่ฝนที่ตกหนักหลังจากพายุไต้ฝุ่นยางิ ซึ่งพัดขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของประเทศเมื่อวันที่ 7 กันยายน ทำให้ไร่กาแฟเปียกชื้นมากขึ้น นักวิเคราะห์คาดว่า ฝนที่ตกต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกของเวียดนามซึ่งโดยปกติจะเริ่มในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน จะล่าช้าออกไปจนถึงต้นเดือนธันวาคมหรืออาจจะช้ากว่านั้น
นอกจากนี้ ตรินห์ ดึ๊ก มินห์ ประธานสมาคมกาแฟในจังหวัด ดั๊ก ลัก ซึ่งเป็นจังหวัดที่ปลูกกาแฟมากที่สุด กล่าวว่า จากสภาพอากาศที่เลวร้ายและพื้นที่ปลูกกาแฟที่ลดลง จะทำให้ผลผลิตกาแฟของเวียดนามลดลงประมาณร้อยละ 10 ถึง 15 ในฤดูกาลนี้ โดยภัยแล้งทำให้เมล็ดกาแฟออกน้อยลง และมีขนาดเล็กลง อีกทั้ง พื้นที่เพาะปลูกกาแฟในเวียดนามลดลงเนื่องจากเกษตรกรหันไปปลูกพืชทางเลือก เช่น ทุเรียนและอะโวคาโดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทรัพยากรน้ำยังเป็นความท้าทายในระยะยาว เนื่องจากเกษตรกรชาวเวียดนามจำนวนมากพึ่งพาบ่อน้ำเพื่อการชลประทาน ซึ่งมีแนวโน้มลดลง
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของเครื่องดื่มกาแฟสำเร็จรูปและกาแฟพร้อมดื่ม สวนทางกับผลผลิตที่ลดลง ทำให้ราคากาแฟโรบัสต้าเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงปีที่ผ่านมา ปัจจุบันกาแฟโรบัสต้ามีราคาเกือบเท่ากับกาแฟอาราบิก้าที่มีความพรีเมียมกว่า ผู้ค้ากาแฟรายใหญ่ คาดการณ์ว่ากาแฟโรบัสต้าทั่วโลกจะขาดแคลนอย่างหนักในฤดูกาล 2024/25 ซึ่งจะเริ่มในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการขาดแคลนประจำปีครั้งที่สี่ติดต่อกัน
ส่วนที่อินโดนีเซีย ซึ่งแม้จะสามารถผลิตกาแฟโรบัสต้าได้ประมาณ 1 ใน 10 ของโลก และผลิตได้สูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถส่งออกได้มากนัก เนื่องจากความต้องการภายในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน