“ทนายตั้ม” บุกอสส. จี้เอาผิด “รองอธิบดี” ตีท้ายครัวนักธุรกิจจีน

"ทนายตั้ม" บุกอสส. จี้เอาผิด "รองอธิบดี" ตีท้ายครัวนักธุรกิจจีน

Top news รายงาน วันนี้ (24 ก.ย. 67) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พานายเจียงเฟิง เฉิน หรือ เคน เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อร้องเรียนให้มีการสอบวินัยรองอธิบดีอัยการคนหนึ่ง หลังพบหลักฐานว่า มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับ นางสาวชิสา หรือ เอวา ภรรยาชาวไทยของนายเคน โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายษิทรา เปิดเผยว่า เท่าที่มีหลักฐานในขณะนี้พบว่า รองอธิบดีอัยการคนนี้ มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับอดีตภรรยานายเคนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการหย่าร้างกันในวันที่ 9 กรกฎาคม โดยมีภาพถ่ายที่ทั้งคู่กอดหอมกัน พร้อมทั้งมีพยานบุคคลที่ตนได้พูดคุยและยืนยันว่า มีการวางแผนกันให้ฝ่ายหญิงเลิกกับนายเคนตั้งแต่ต้น แม้ว่ามีคนรู้จักเคยเตือนอัยการท่านนี้ว่า หญิงคนนี้มีสามีชาวจีนแล้ว แต่ก็ไม่สนใจและยังมีการคบหาและมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง รวมทั้งอัยการท่านนี้ยังได้ให้รถ BMW Z4 สีขาว มาให้ฝ่ายหญิงขับด้วย โดยใช้ชื่อผู้หญิงคนหนึ่งในการซื้อและครอบครองรถคันดังกล่าว แต่เป็นที่รับรู้เป็นการทั่วไปว่าเป็นรถของรองอธิบดีอัยการคนนี้ จึงอยากร้องขอให้สำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการอัยการ (กอ.) ให้ความเป็นธรรมและตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีความผิด ก็ขอให้งโทษวินัยร้ายแรงด้วย

 

ทั้งนี้ตนทราบมาว่า อัยการท่านนี้ มีบ้านมากถึง 50 หลัง และเคยถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเรื่องทุจริตเรียกรับผลประโยชน์มาก่อน ซึ่งตนจะติดตามการดำเนินการทางวินัยของคณะกรรมการอัยการ ทั้งเรื่องคดีที่ถูกชี้มูลทุจริตและประพฤติชู้สาวกับอดีตภรรยาของคุณเคน ซึ่งมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคนเป็นทนายความแห่งแผ่นดิน

ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า หลังจากได้รับการยื่นหนังสือจากทนายตั้มแล้ว หลังจากนี้จะนำเรื่องกราบเรียนไปยังอัยการสูงสุดและคณะกรรมการอัยการเพื่อดำเนินการสอบสวนทางวินัยต่อไป แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าไร ขอให้เป็นไปตามกระบวนการต่อไป ส่วนประเด็นที่ไม่มีการพักราชการอัยการท่านนี้ระหว่างการถูก ปปช. ชี้มูลความผิดนั้น เนื่องจากกฎหมายอัยการ จะต้องตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงหรือกรรมการชั้นต้น ก่อนที่จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวนของกรรมการชั้นต้น ซึ่งกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจให้พักราชการในชั้นนี้ แต่ถ้าหากอัยการท่านดังกล่าวถูกส่งตัวฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตฯ เมื่อไหร่ ก็จะถือว่า เข้าหลักเกณฑ์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่จะสามารถถูกสั่งพักราชการได้ทันที

 

ด้าน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้อัยการรายนี้เคยถูก ปปช. ชี้มูลความผิดใน 2 ข้อหา คือ ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ซึ่งข้อหาดังกล่าวอยู่ในระหว่างการรอคำสั่งของอัยการสูงสุด ส่วนอีกข้อหาคือ รับเงินเกิน 3,000 บาท ทางอัยการคดีทุจริตได้ชี้ข้อไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเห็นว่า ความผิดดังกล่าวเกลื่อนกลืนอยู่รวมกับความผิดแรก ซึ่งต่อมาทางคณะกรรมการร่วมระหว่าง ปปช. และอัยการได้พิจารณาแล้วมีความเห็นพร้องกันว่า ให้ดำเนินคดีเฉพาะข้อหาเป็นเจ้าพนักงานได้รับสินบนข้อหาเดียว

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

โซเชียลชื่นชม "ผกก.สภ.ทุ่งสง" ช่วยเข็นรถ ผู้สูงอายุลงคะแนน เลือกตั้งนายกอบจ.เมืองคอน
ฝนถล่มหนัก "ผู้ประกอบการเรือโดยสาร" เกาะสมุย ประกาศย้าย "ท่าเทียบเรือ" หลังเจอคลื่นลมมรสุมหนัก
"คนขับรถ" หิ้วปิ่นโต รุดเยี่ยมอดีตภรรยา-ลูก "หมอบุญ" เชื่อไม่เอี่ยวโกงเงิน 7.5 พันล้าน
คืบหน้าไฟไหม้สลัมฟิลิปปินส์
"อนุทิน" สั่งการผู้ว่าฯทั่วประเทศ อำนวยความสะดวกภาคเอกชน หนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยเฟื่องฟู
“เนทันยาฮู” สั่งทิ้งบอมบ์กลางเบรุต ตึกสูงถล่มเหี้ยน ปชช.นองเลือดครึ่งร้อย
ไฟไหม้ใหญ่กลางกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์เช้านี้
มือปืนยิงปะทะตำรวจใกล้สถานทูตอิสราเอลในจอร์แดน
ยอดผู้เสียชีวิตอิสราเอลถล่มเบรุตพุ่ง 20 เจ็บกว่าครึ่งร้อย
ฝรั่งเศสไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลถล่มรัสเซีย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น