“ครอบครัวคุณตาขาว” สุดตื้นตันใจ กลั้นน้ำตาไม่อยู่ รอ “มูลนิธิยังมีเรา” เตรียมเข้าช่วยเหลือ-ฟื้นฟู หลังบ้านจมดินโคลนนานแรมเดือน

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่า สาเหตุที่ให้การช่วยเหลือล่าช้านั้น เป็นเพราะบ้านของคุณตาขาว อยู่จุดที่เป็นพื้นที่ที่ลุ่มต่ำสุดของซอยเหมืองแดง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องฟื้นฟูถนนทางเข้า หรือจากทางต้นซอยก่อน ไม่งั้นเครื่องจักรขนาดเล็ก จะไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่ได้ แต่ตอนนี้ทางหน่วยงานและทางกองบัญชาการกองทัพไทย ได้ระดมสรรพกำลังและอุปกรณ์ เครื่องจักร เข้ามาฟื้นฟูพื้นที่นี้ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา

 

 

 

ด้าน นางสาวเนาวรัตน์ วิยะสาร อายุ 45 ปี ลูกสาวคุณตาขาว ได้เล่าทั้งน้ำตา ถึงวินาทีน้ำป่าไหลหลากไหลเข้าบ้านว่า น้ำไหลลงมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นอยู่บ้านกัน 4 คน มีคุณตาขาว ตน ลูกสาวและแฟนลูกสาว กำลังจะหุงข้าวกินกัน พอเห็นน้ำไหลลงมาแรงมากทำให้คนในบ้านตกใจ จึงพากันออกจากตัวบ้านและปีนขึ้นกำแพง โดยมีแฟนลูกสาวอุ้มคุณตาขาวที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงขึ้นบนหลังคา ส่วนตนอุ้มหม้อข้าวที่เพิ่งหุงเสร็จติดขึ้นไปด้วย เนื่องจากยังไม่ได้กินอะไรกัน แต่ก็กลับลงไปเอาของไม่ได้เพราะน้ำมาแรงมาก ต้องใช้ชีวิตอยู่บนหลังคา โดยข้าวหมดตั้งแต่วันแรก เพราะต้องแบ่งเพื่อนบ้านอีกหลายคนกิน จำต้องอดทนกันอยู่ถึง 3 วัน กว่าน้ำจะลด พอน้ำลดลงก็พบว่า บ้านจมอยู่ใต้ดินโคลน ทรัพย์สินภายในบ้านเสียหายทั้งหมด จึงพากันตัดสินใจอุ้มคุณตาขาวออกจากจุดนี้ และไปพักอาศัยอยู่กับญาติข้างนอก

 

 

 

 

 

ตนต้องกลับมาดูบ้านทุกวัน เพราะยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ พอมองไปเห็นบ้านก็นึกเสียดายทรัพย์สิน ที่หายวับไปกับตา ชีวิตต้องมาลำบาก เมื่อทราบข่าวว่า มูลนิธิยังมีเรา จะเข้ามาช่วยเหลือ จึงรู้สึกดีใจมาก ถึงแม้ตอนนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาช่วยตักดินคนออกก็ตาม ต้องขอขอบคุณมูลนิธิยังมีเราที่นึกถึงชาวบ้านเสมอ

 

 

 

 

ทีมข่าว Top News ยังได้สำรวจในภายในซอย เหมืองแดงพบว่า บ้านเรือนหลายหลังยังจมอยู่ใต้ดินโคลน รอหน่วยงานภาครัฐ เข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากอาศัยแรงชาวบ้านอย่างเดียวก็คงไม่เพียงพอ เนื่องจากระดับดินโคลนที่ทับถมภายในบ้านสูง กว่า 1 เมตร แต่ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ทหาร จากกองบัญชาการกองทัพไทย ได้นำกำลังเข้าฟื้นฟูชุมชนเหมืองแดง ตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอย เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ และเป็นพื้นที่สีแดงที่ต้องเร่งทำการฟื้นฟูโดยด่วน

ทีมข่าวยังสังเกตเห็นว่า มีชาวบ้านหลังหนึ่ง นำแก้วน้ำมาตักน้ำที่อยู่บนพื้นแล้วเทใส่ถัง เหมือนจะเตรียมไว้ใช้ จึงเดินเข้าไปสอบถาม โดย นางสาวอรญา วงศ์สุวรรณ อายุ 51 ปี เปิดเผยว่า ชุมชนเหมืองแดงถูกตัดไฟฟ้าและประปา ทำให้ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ ส่วนน้ำที่ตนกำลังตักอยู่นี้ เป็นน้ำที่ไหลออกมาจากท่อประปาที่แตก ตนจึงต้องตักน้ำมากักตุนไว้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ภายในบ้าน เช่น ล้างมือ-เท้า หรือตอนเข้าห้องน้ำ ถึงน้ำจะไม่สะอาดแต่ก็มีความจำเป็น

ทีมข่าวถามว่า ทำไมไม่ย้ายออกไปอยู่ข้างนอก รอให้เจ้าหน้าที่ฟื้นฟูเสียก่อน นางสาวอรญา ตอบกลับว่า ตนและแม่ เกิดและอาศัยอยู่ที่นี่ จะให้ย้ายออกไปอยู่ที่ไหน ที่นี่เป็นบ้านเกิดมันจะเป็นยังไงหรือเกิดอะไรขึ้นก็ต้องอยู่ที่นี่ และดำรงชีวิตอยู่ให้ได้