จากกรณีปมปัญหาของหนังสือ “ในนามความมั่นคงภายใน การแทรกซึมของกองทัพไทย” เขียนโดย รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ซึ่งถูก กอ.รมน.แบน เพราะมีข้อมูลเนื้อหาบิดเบือน
ล่าสุดพบว่าประเด็นดังกล่าวมีความเห็นจาก ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงหนังสือดังกล่าวตอนหนึ่งว่า สรุปสั้นๆ คือ เป็นงานที่ไม่ได้สะท้อนสัจธรรมหรือความเป็นจริงอะไร มีการตีความผ่านกรอบคิดแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย/อุดมคตินิยม แล้วก็หาหลักฐานเชิงประจักษ์แบบเข้ากรอบทฤษฎี มาสนับสนุนตามสูตร มากไปกว่านั้น งานนี้ยังมีลักษณะที่กลับหัวกลับหางแปลกๆ เช่น เริ่มจากการตั้งชื่อเรื่องที่ผิดทิศทาง กลับหัวกลับหางไปหมด ไม่รู้ว่าอาจารย์พวงทอง หรือผมงง งงไปหมดคือ การแทรกซึมทางสังคมของทัพไทย คำถามคือ กองทัพแทรกซึมสังคมไทยได้เหรอ? ตกลงกองทัพไทยกับสังคมไทยไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน ตกลงเป็นกองทัพไทยหรือเป็นกองทัพอะไร งง? คำว่า แทรกซึมมันต้องใช้กับรัฐคู่ขัดแย้งหรือคู่สงครามสิคับ อาจารย์ยกบริบทของสงครามเย็น ซึ่งในทางปฏิบัติมันเป็นสงครามตัวแทนระหว่างรัฐมหาอำนาจซ้อนกันหลายชั้น ในบริบทของสงครามเย็นในประเทศไทย กองทัพไทยเป็นฝ่ายป้องกันหรือเจ้าบ้าน เขาถึงตั้งชื่อว่ากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในไงคับ
ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ ระบุอีกว่า ถามว่าป้องกันการแทรกซึมจากใคร ก็ป้องกันการแทรกซึมจากพวกอาจารย์ของอาจารย์ เช่น อาจารย์ธงชัยที่อาจารย์อ้างอิงในหนังสือ ซึ่งอาจารย์ธงชัยนี้เองก็เป็นสหาย หรือกลไกที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือ พคท. เข้ามาจัดตั้งตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา และใช้อาจารย์ธงชัยแทรกซึมสังคมไทย เช่น ผลิตความคิดที่ต่อต้านค่านิยมหลักหรือบ่อนทำลายความมั่นคงของสังคมและของรัฐต่างๆ นาๆ เพื่อปูทางไปสู่การยึดอำนาจรัฐของ พคท. ในที่สุด แบบนี้สิครับเขาถึงเรียกว่าแทรกซึม
แล้วยิ่งไปกว่านั้น ตรงบทสรุป หน้า 216 อาจารย์พวงทองสรุปว่า “ข้อสรุปสำคัญของงานศึกษาชิ้นนี้คือ ไม่ใช่การป้องกันประเทศจากการคุกคามของศัตรูภายนอก แต่คือกิจกรรมความมั่นคงภายในที่เป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ของกองทัพ” เห้ย ถามจิง แค่นี้มันต้องทำวิจัยด้วยเหรอ ไปไล่เรียงประวัติศาสตร์การก่อตั้งรัฐตั้งแต่สมัยโบราณถึงสมัยใหม่แล้วมาตอบให้หน่อย ว่ากองทัพแมวที่ไหนมันไม่ได้มีหน้าที่ป้องกันรักษาเอกราชทั้งจากภายนอกและภายใน และภายในมันต้องเข้มแข็งก่อนด้วยถึงป้องกันภายนอกได้ ถ้าเป็นภาวะสงครามมันก็มีทั้งสงครามที่มาจากภายนอก และสงครามการบ่อนทำลายภายใน เช่น การบ่อนทำลายทางความคิด ฯลฯ ตอนนี้ก็เป็นสงครามในรูปแบบใหม่ ตอนนี้ไม่ยึดครองโดยตรงแล้ว แต่ใช้วิธีการให้ทุนสนับสนุนองค์กรต่างๆมาเคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของรัฐมหาอำนาจ ที่ต่างก็ต้องทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ใครเคยรับงานบ่อยๆก็จะทราบดีครับ หวานเจี๊ยบ พูดหรือเคลื่อนไหวอะไรสอดคล้องต้องกันหมดราวกับรับงานมา เด็กปั้น
ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ ยังยกตัวอย่างการแทรกซึมสังคมไทย แนวคิดไหนที่ไม่เคยมีในสังคมไทยมาก่อนถือว่าแนวคิดนั้นเข้ามาแทรกซึมนะคับอาจารย์ เช่น ทุนนิยม คอมมิวนิสต์ หหรือประชาธิปไตย เป็นต้น โดนหมดไม่ว่าไทย ยูเครน ซีเรีย อาเซียน ฯลฯ ผ่านแนวคิดเรื่อง สิทธิเสรีภาพ เสมอภาค โว๊ค ไม่เคารพพ่อแม่ บ่อนทำลายสถาบันหลัก ศาสนา ค่านิยม ฯลฯ ในทางปฏิบัติเขาก็จะจัดตั้ง การให้ทุน ส่งไปเรียน จัดค่าย เสวนา การระดมมวลชน หรือการตั้งพรรคการเมือง รวมไปถึงองค์กรมูลนิธิต่าง ๆ การให้รางวัล ฯลฯ โดยมีเป้าหมายการเคลื่อนไหวที่สอดประสานต้องกัน แทรกซึมเข้าไปในสถาบันการศึกษา โรงเรียนมัธยม มหาวิทยาลัย ที่ปรากฏออกมาเป็นม็อบจัดตั้งเป็นระยะๆ ที่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับคนจัดตั้ง
ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ ทิ้งท้ายว่า ดังนั้นหน้าที่ของกองทัพและสังคมก็คือ ต้องช่วยป้องกันการแทรกซึมของแนวความคิดบ่อนทำลายชาติและรัฐเหล่านี้ ที่แท้จริงแล้วอาจจะเป็นเครื่องมือในการเข้ามาแทรกแซงเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มคนบางกลุ่มได้ ทำแค่นี้ผมว่าน้อยไปด้วยซ้ำคับ อย่าตีกันมาก มีคนจ้องจะงาบคุณอยู่ เว้นแต่ว่ารับงานมา อิอิ