สำนักข่าว RT และทาส ของรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ (3 ตค.) ว่านายอนาโตลี วิกโตรอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงเทลอาวีฟได้แสดงความวิตกเรื่องสถานการณ์ตะวันออกกลางที่กำลังยกระดับความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้ก็ได้เรียกร้องชาวรัสเซียในอิสราเอลให้พิจารณาเดินทางออกจากอิสราเอลในขณะที่ยังมีเที่ยวบินปกติให้บริการอยู่ ซึ่งรวมทั้งสายการบินเอล อัลของอิสราเอล พร้อมกันนี้ก็เตือนคนรัสเซียที่กำลังคิดจะเดินทางไปอิสราเอลให้คิดทบทวนและหลีกเลี่ยง
การประกาศเตือนให้อพยพของรัสเซียมีขึ้นหลังจากที่อิหร่านระดมยิงขีปนาวุธเกือบ 200 ลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเพื่อตอบโต้อิสราเอลที่ถล่มเลบานอน ขณะที่สายการบินรัสเซียจำนวนมากก็ได้ยกเลิกเที่ยวบินไปอิสราเอล, อิหร่านและอิรักแล้วในสัปดาห์นี้ ภายใต้คำแนะนำของสำนักการบินพลเรือนรัสเซีย นอกจากนี้ก็มีรายงานว่าเครื่องบินที่รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียนั่งไปกรุงโดฮาของกาตาร์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจบินวกกลับรัสเซียกลางอากาศทันที จากเหตุการณ์อิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล
ขณะที่เดอะ มอสโกว ไทม์สก็รายงานว่ารัสเซียได้ส่งเครื่องบินรุ่น IL-76 ของกองทัพซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ใช้ขนส่งสัมภาระหนักบินมาอพยพสมาชิกครอบครัวของนักการทูตในเลบานอนจำนวน 60 คนที่กรุงเบรุตเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 3 ตค.) ภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สำหรับพลเมืองรัสเซียที่อยู่ในเลบานอนกว่า 3 พันคนนั้น สถานทูตรัสเซียได้ออกคำแนะนำให้อพยพออกจากประเทศด้วยเที่ยวบินพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม รัสเซียเผยว่าหากสถานการณ์ในเลบานอนรุนแรงขึ้นกว่านี้ ก็จะส่งเครื่องบินกลับมาอพยพเพิ่มเติม
การอพยพครอบครัวนักการทูตรัสเซียมีขึ้นหลังจากอิสราเอลประกาศเปิดปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินในเลบานอนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ก็มีรายงานว่าช่วงเช้าวานนี้(พฤหัสบดีที่ 3 ตค.) อิสราเอลได้ระดมยิงจรวดหลายสิบลูกโจมตีฐานทัพอากาศของรัสเซียที่นอกชายฝั่งซีเรีย และคลังอาวุธที่เมืองจาเบลห์, ลาตาเกียและทาร์ทัส ของซีเรีย ซึ่งรัสเซียให้การสนับสนุน ส่งผลให้ระบบป้องกันภัยขีปนาวุธซีเรียและรัสเซียยิงสกัดนานราว 50 นาที