ข่าวที่น่าสนใจ
ยิ่งเขตเมืองเก่ายิ่งเสียเปรียบ เพราะก่อร่างสร้างมาแต่เดิม จะถมให้สูงก็ไม่ได้ ขณะที่พื้นที่รอบนอกที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่จะถมดินสูงขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วม ถมกันเป็นวง ๆ อย่างนี้เหมือนวงแหวนซ้อนกัน สุดท้ายพื้นที่เก่าแก่ก็จะกลายเป็นแอ่ง ฝนตกก็จะกลายเป็นแอ่งรับน้ำ น้ำหลากขึ้นมา ก็ไม่มีทางที่จะระบาย รอบนอกสูงกว่าหมด
ปีน้ำมากจะยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้น น้ำจะขังสูงกว่าเดิม เพราะทางระบายมีขนาดเท่าเดิม ไม่มีทางระบายใหม่และใหญ่พอที่น้ำปริมาณมหาศาลจะไหลไปได้ มีแต่ถนนเป็นเขื่อนกั้นไม่ให้ระบายไปไหนได้อีก ภาพที่ฟากหนึ่งของถนนน้ำท่วม แต่อีกฟากน้ำแห้งจึงเป็นภาพที่ชินตามากในยุคนี้
ถ้าใช้คราวนี้เป็นบทเรียน ทำงานเชิงรุกแบบวิทยาศาสตร์บ้าง เก็บข้อมูลทางไหลของน้ำตามที่มันเกิดขึ้นขณะนี้ ปรับวิธีคิดในการออกแบบผังเมือง ห้ามถมดินซี้ซั้ว ตรวจสอบ contours ใหม่ ขุดคลองระบายน้ำใหม่ ๆ บ้าง สร้างถนนอย่ายกให้สูงลิ่วนักและไม่ขวางทางน้ำ ก็น่าจะป้องกันความเสียหายได้มาก และน่าจะดีกว่าปล่อยมันไปตามเวรตามกรรม แล้วมาช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูทีเหลังอย่างที่ทำ ๆ กันมา เพราะ climate change มันมีแต่จะรุนแรงขึ้น เงินช่วยเหลือ/ฟื้นฟู 10000 บาทก็ไม่คุ้มกับความสูญเสียที่มันเกิดขึ้นสำหรับแต่ละครอบครัวที่มันมากกว่านั้นมาก และมันกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้คน
ลองใช้ภูมิปัญญาของชาวเวนิสตะวันออกมาแก้ปัญหาเหมือนที่บรรพบุญเราเคยทำบ้างน่าจะเหมาะกับบริบทของเรามากกว่าไปลอกแบบฝรั่งเพราะ context มันต่างกันมาก และที่ลอกมาโดยไม่คำนึงถึง context ที่แตกต่าง มันก็สร้างความเสียหายขึ้นไม่น้อยแล้ว แล้วถ้าเกิดซ้ำ ๆ มันก็ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตทั้งเกษตรและอุตสาหกรรม ภาคท่องเที่ยวนี้ยังมาก เพราะความเสี่ยงที่จะเปลี่ยนสถานะจากนักท่องเที่ยวเป็นผู้ประสบภัยมันสูงมากซึ่งเขาคงไม่ absorb ความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนี้
เราคงห้ามไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้ แต่ถ้ามันจะเกิด เป้าหมายของเราคือมันต้องสร้างความเสียหายน้อยที่สุด
ไม่ใช่ให้เกิดสถิติใหม่ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
