ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเหตุการณ์ขณะที่รถพ่วง 18 ล้อเบียดรถจักรยานยนต์ จนเสียหลักกระเด็นไปตามถนน ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามหลังมาชนซ้ำ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 6 ตุลาคม 2567 ร.ต.ท.ณวัฐปกรณ์ คุณัชญาศิรัณ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ถูกรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ชนจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บริเวณหน้าร้าน นน หมูกระทะ ถ.สิริโสธร ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา จึงได้เดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลพุทธโสธร และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา
โดยในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตคือ นาย พชรพงษ์ อายุ 70 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณด้านข้างของรถยนต์เก๋งโตโยต้า ยารีส สีขาว ที่มีนางสาวกัญพัชญ์ ยืนยง อายุ 46 ปี เป็นคนขับ ในลักษณะนอนคว่ำหน้าช่วงบริเวณล้อหลัง ที่ศีรษะถูกทับจนกะโหลกศีรษะแตก สมองกระจาย และที่แขนซ้ายมีบาดแผลฉีกขาดขนาดใหญ่ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอลด้าเวป สีน้ำเงิน ในสภาพล้มคว่ำอยู่ ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ของ นาย พชรพงษ์ผู้เสียชีวิต และห่างออกไปอีกประมาณ 100 เมตร พบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ อีซูซุ สีขาว ที่มี นายขวัญชัย อายุ 42 ปี เป็นคนขับ ได้ให้การว่าตนเองขับรถมาจากอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี กำลังจะเดินทางกลับจังหวัดสุพรรณบุรี พอมาถึงช่วงจุดเกิดเหตุตนเองได้วิ่งรถอยู่เลนกลาง แต่ไม่ทราบว่ารถ
จักรยานยนต์วิ่งออกมาจากไหน ได้มาเบียดชนเข้ากับล้อรถช่วงท้ายฝั่งซ้ายของรถตนเอง จนเสียหลักพลิกคว่ำกระเด็นไปกับถนน และได้มีรถยนต์เก๋งที่วิ่งตามมาฝั่งซ้ายเหมือนจะทับซ้ำ ตนเองจึงได้จอดรถเข้าข้างทางเพื่อลงมาดู ด้านนางสาวกัญพัชญ์ ซึ่งเป็ฯขับรถเก๋งที่ตามมาได้ให้การว่าตนเองเห็นนายพชรพงษ์ขี่รถจักรยานยนต์อยู่เลนซ้ายด้านหน้ารถของตน ในขณะที่รถพ่วง 18 ล้อ วิ่งอยู่เลนกลาง แต่เหมือนรถจักรยานยนต์จะหลบรถอะไรบางอย่าง ทำให้วิ่งออกมาเลนกลาง เบียดเข้ากับล้อรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ แล้วก็กระเด็นมาทางฝั่งซ้าย ช่วงหน้ารถเก๋งของตนเอง ทำให้ตนเองต้องเบรกและหักหลบ แต่ไม่รู้ว่าได้ทับร่างของนายพชรพงษ์หรือไม่ แต่จากการตรวจสอบที่ล้อหน้าฝั่งขวาของรถยนต์เก๋งพบคราบเลือดติดอยู่ที่บริเวณล้อรถ จากการสอบถามญาติของผู้เสียชีวิตให้การว่า ผู้ตายได้มีร้านค้าอยู่แถวๆ ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ ส่วนช่วงเวลาที่ผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ออกมานั้น คาดว่าน่าจะขี่รถจักรยานยนต์เพื่อมุ่งหน้าไปตลาดภายในสถานีขนส่ง แต่ก็มาเกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
