“โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ยืนยันน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล

"โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์" ยืนยันน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล

Top news รายงาน วันนี้ (7 ต.ค.67) นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) พร้อมด้วย ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการติดตาม และวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1 – 17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตาม และวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้อง และเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (swoc) อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน กรุงเทพฯ

 

 

ซึ่งจากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบนของประเทศ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแม่น้ำปิง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ฝนที่ตกชุกกระจายทางตอนบนของลุ่มน้ำปิง ส่งผลให้เกิดน้ำหลากในลำน้ำสาขา ก่อนจะไหลลงมาสมทบในแม่น้ำปิง ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นไหลเข้าท่วมพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ และพื้นที่เศรษฐกิจ โดยที่สถานีวัดระดับน้ำ P.1 สะพานนวรัฐ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา ระดับน้ำขึ้นสูงสุด 5.30 เมตร จากระดับน้ำสมมติ สูงกว่าระดับตลิ่ง +1.59 เมตร

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงลดลงอย่างต่อเนื่องแล้ว ซึ่งปริมาณน้ำจากลำน้ำปิงจะไหลลงสู่เขื่อนภูมิพลทั้งหมด ทำให้เขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำเก็บกักเพิ่มมากขึ้น สำหรับสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้าได้อย่างเพียงพอ ด้านสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 19,650 ล้านลูกบาศก์เมตร (79% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 5,221 ล้านลูกบาศก์เมตร

หลังการประชุมเสร็จสิ้น นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) พร้อมด้วย ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยกล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน จึงได้บริหารจัดการน้ำที่ไหลมาจากทางตอนบน ด้วยการเก็บกักน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด พร้อมบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ตอนกลาง ด้วยการหน่วงน้ำไว้ในพื้นที่ลุ่มต่ำ และแก้มลิงธรรมชาติ ส่วนปริมาณน้ำที่เหลือจะไหลลงสู่ลุ่มเจ้าพระยา

 

 

ที่สถานีวัดระดับน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ คาดการณ์ว่าในช่วง 1 – 7 วันข้างหน้า ที่สถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 2,200 – 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ยกตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งกรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ตามศักยภาพของคลอง และสอดคล้องกับปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ พร้อมควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ให้อยู่ในอัตราไม่เกิน 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในช่วงนี้ เพื่อลดผลกระทบพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนให้ได้มากที่สุด ซึ่งการระบายน้ำในอัตราดังกล่าว จะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

ในขณะที่พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ที่สถานีวัดน้ำ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 1,990 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือคิดเป็น 70% ของความจุลำน้ำ ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าว ยังไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯและปริมณฑล แต่อาจจะมีผลกระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ หรือในพื้นที่ที่มีระดับตลิ่งต่ำ ในช่วงที่มีน้ำทะเลหนุนสูง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลที่อยู่ในแนวคันกั้นน้ำ

กรมชลประทานได้ติดตามสถานการณ์น้ำฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำด้วยการพร่องน้ำในคลองสาขาต่างๆ ตลอดจนบูรณาการร่วมกับกรุงเทพมหานคร ในการบริหารจัดการน้ำในจุดที่เชื่อมต่อกันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝน และปริมาณน้ำในพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนและพื้นที่เศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด

นอกจากนี้ กรมชลประทานได้ติดตามสภาพอากาศ และสถานการณ์น้ำท่า อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง พร้อมนำข้อมูลการคาดการณ์ปริมาณฝน และปริมาณน้ำท่าจากสถานีวัดน้ำท่า มาวิเคราะห์วางแผนการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด และสอดคล้องกับสถานการณ์ / จัดจราจรน้ำให้สอดคล้อง และเชื่อมโยงกันระหว่างพื้นที่ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประสิทธิภาพสูงสุด กำหนดพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เครื่องจักรสนับสนุนอื่นๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่เสี่ยง ที่พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

 

 

ตลอดจนบูรณาการร่วมกับจังหวัด องค์กรปกครองท้องถิ่น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน ถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"รอง อธ.กรมขนส่ง" คาดไฟไหม้บัสนร. เพลาหัก-บรรทุกน้ำหนักเกิน จ่อเตรียมแก้กม.หมดอายุรถโดยสารสารธารณะ
บุกจับ สท.ดังระยอง ลักลอบขนน้ำมันเถื่อนคาเรือ ขณะกำลังดูดน้ำมันขายในท่าเรือ แต่ให้การปฏิเสธ
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เยี่ยมให้กำลังใจ กำลังพลกองทัพไทย ปฏิบัติงานฟื้นฟูบ้านเรือน ช่วยชาวแม่สาย เชียงราย
จนท.ซ้อมพิธีพระราชทานเพลิงศพ 23 ครู-นร. เหยื่อบัสไฟไหม้ ก่อนจัดงานจริงพรุ่งนี้
"เงินผู้สูงอายุเดือนตุลาคม 2567" ผู้สูงอายุ รายใหม่ ได้รับเงินงวดนี้หรือไม่ เช็กที่นี่
"ควาญช้างแม่แตง" พูดชัด ช้าง 1 เชือกต้องมีคนเลี้ยง 1 คน ชี้ทุกปางก็มีช้างดุ พร้อมอธิบายสาเหตุใช้โซ่-ตะขอ
ชาวบ้านที่ชัยภูมิ รวมกลุ่มทำข้าวกระยาสารทขาย สร้างรายได้ให้ครอบครัวและชุมชม
ชาวบ้านตำบลหนองบอน อำเภอบ่อไร่สมาชิกฌาปนกิจศพ เข้าร้องทุกข์แจ้งความเอาผิดคณะกรรมการ หลังเอาชื่อคนตายต่างจังหวัดมาเบิกเงินของกลุ่ม
“การรถไฟฯ” สนับสนุนกรมการทหารช่าง ลงพื้นที่ Big Cleaning เชียงราย จัดขบวนรถทั้งไปและกลับ ส่งนักเรียนนายสิบจิตอาสาทหารช่าง ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ
คมนาคมเปิดปฏิทินท่องเที่ยวทางรถไฟถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น เริ่มขายตั๋ว 8 ตุลาคมพร้อมกันทั่วประเทศ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น