วันที่ 23 ก.ย.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อมิฉาชีพที่พยายามหลอกลวงประชาชนผ่านสื่อออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ จึงมีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในป้องกันตนเองจากอาชญากรรม
โดยที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ และมีการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอยู่ ส่วนหนึ่งมาจากเทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปแบบของขบวนการแชร์ลูกโซ่มีการพัฒนารูปแบบให้มีความทันสมัยและทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยมาในลักษณะของแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงประชาชน โดยมักจะหลอกชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนในธุรกิจที่อ้างว่ามีผลกำไรหรือมีผลตอบแทนที่สูงมากในระยะเวลาสั้นๆ และยังอ้างว่าธุรกิจของตนมีการจดทะเบียนถูกต้องและได้รับการรับรองจากต่างประเทศ หรือ สถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และช่วงแรกมักจะให้ค่าตอบแทนที่สูงจริงๆ ตามที่อ้าง เพื่อมาล่อตาล่อใจ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็จะปิดตัวลง และไม่สามารถทำการติดต่อกับเว็บไซต์หรือผู้ให้บริการดังกล่าวได้ในที่สุด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังการถูกหลอกให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยหากต้องการลงทุน ให้ดูความเป็นไปได้ และ ความน่าเชื่อถือด้วยว่า จริงอย่างที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่ และขอให้เลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือได้รับการรับรองตามกฎหมายในประเทศไทย และควรให้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งขอเตือนผู้ที่ทำการชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมลงทุน เพื่อรับค่าตอบแทนในการหาสมาชิก ท่านอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนใกล้ตัวของท่านตกเป็นเหยื่อจากการหลอกลงทุนดังกล่าว และอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้
โดยผู้ที่กระทำความผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมกระทำผิดหรือสนับสนุนการกระทำผิด จะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายดังนี้
1.กระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เป็นผู้โฆษณาชักชวนให้ปรากฏแก่บุคคล ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 ถึง 1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
2.กระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนฯ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ทั้งนี้ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ในลักษณะดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง