ข่าวที่น่าสนใจ
เปิดคำร้องฉบับเต็มของ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ พุ่งเป้า 6 ประเด็น สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ เรื่องที่ 1 เด็ดปีก “ทักษิณ ชินวัตร” ข้อหาป่วยทิพย์ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 8 ปี แต่เหลือโทษจำคุกจริง 1 ปี ดังนั้น “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องกลับไปติดคุก และการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนไม่น้อมรับโทษจำคุกในเรือนจำตามพระบรมราชโองการ เป็นการกระทำที่ไม่บังควรอย่างยิ่งทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ส่งผลให้เกิดการเซาะกร่อน บ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สุด
เรื่องที่ 2 เด็ดปีก “ทักษิณ ชินวัตร” ข้อหามีพฤติกรรมร่วมคิดกับ “สมเด็จฮุน เซน” ผู้นำประเทศกัมพูชา สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์กับรัฐบาลกัมพูชาละเมิดอธิปไตยทางทะเลของไทย โดยให้มีการเจรจาพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล หรือ เอ็มโอยู ปี 2544 เพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติ และทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา
เรื่องที่ 3 เด็ดปีก “ทักษิณ ชินวัตร” ข้อหาแก้รัฐธรรมนูญเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง ด้วยการไปจับมือกับ “พรรคก้าวไกลเดิม” หรือ “พรรคประชาชน” ที่ถูกยุบพรรคในคดีล้มล้างการปกครอง เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่ 4 เด็ดปีก “ทักษิณ ชินวัตร” ข้อหาครอบงำรัฐบาลเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นโต้โผ จัดตั้งรัฐบาลใน “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ภายหลัง “เศรษฐา ทวีสิน” กระเด็นตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ได้เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไปพบที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อหารือการเสนอบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา
เรื่องที่ 5 เด็ดปีก “ทักษิณ ชินวัตร” ข้อหาครอบงำรัฐบาลเพื่อไทย ด้วยการเตะโด่ง “พรรคพลังประชารัฐ” ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พ้นรัฐบาล /และ เรื่องที่ 6 เด็ดปีก “ทักษิณ ชินวัตร” ข้อหาชี้นำนโยบายรัฐบาล มีหลักฐานชัด นั้นคือ “ทักษิณ ชินวัตร” แสดงวิสัยทัศน์ไว้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา จากนั้นนำไปดำเนินการให้เป็นนโยบายคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา
“ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” จึงขอศาลรัฐธรรมนูญ สั่งการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ขอให้สั่งการให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ให้เลิกการกระทำ ที่นำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ด้วยการเลิกใช้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือกระทำการอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ , เลิกเป็นเจ้าของ ครอบครอง ครอบงำ และสั่งการพรรคเพื่อไทย หรือ เลิกใช้พรรคพรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และ ให้ “ทักษิณ ชินวัตร” เลิกให้พรรคเพื่อไทย เป็นเครื่องมือในการใช้อำนาจ
เช็กท่าทีของบิ๊กเนม พรรคเพื่อไทย “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ยืนยันว่าในพรรคเพื่อไทยไม่ได้กังวล และไม่ได้หนักใจอะไร แต่เตรียมตั้ง “ทีมกฎหมายสู้คดี”ไว้แล้ว ส่วน “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพรรคพลังประชารัฐ ขู่ล้มรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยได้แน่ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” โต้กลับว่า ไม่ทราบจุดมุ่งหมายของ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เห็นว่ามีจำนวนเอกสารมากถึง 5,000 แผ่น ขอดูรายละเอียดก่อน
ขณะที่ท่าทีของ “พรรคก้าวไกลเดิม” หรือ พรรคประชาชน “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ในฐานะที่เคยถูก “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ร้องยุบพรรคก้าวไกลข้อหาเดียวกับที่ยุบพรรคเพื่อไทยให้เลิกการกระทำที่นำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” เห็นว่า ตามหลักการพรรคไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ที่จะใช้เครื่องไม้เครื่องมือ กลไกของศาลรัฐธรรมนูญ มากลั่นแกล้งทางการเมือง
ขณะนี้ชะตากรรมของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า “พรรคเพื่อไทย” และ “ทักษิณ ชินวัตร” อยู่ในอุ้งมือ “ศาลรัฐธรรมนูญ” อีกครั้ง 6 จุดตาย ที่ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร”ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้รัฐบาลเพื่อไทยล่มสลาย ได้หรือไม่ น่าลุ้นระทึกอย่างยิ่ง!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
