“ผู้การนนท์” ชี้แจง ปมตร.ไม่รับแจ้งความ “คดีดิไอคอน” ด้าน “ผู้เสียหายสาว” ขอโทษสื่อสารเข้าใจผิด

จากการสอบถาม น.ส.หญิง ผู้เสียหายจากคดีร่วมเป็นตัวแทนกับทาง ดิ ไอคอน เป็นวงเงินจำนวน 250,000 บาท กล่าวว่า ช่วงโควิดสามีตกงานซึ่งขณะนั้นตนเองขายของอยู่ที่ตลาดในหมู่บ้าน พอทราบว่ามีการเปิดธุรกิจนี้ ก็เลยสมัครไป จำนวน 98 บาท โดยสอนทำติ๊กต็อก ไลฟ์สด สร้างเพจ เรียนทั้งหมด 3 วัน พอเรียนจบก็เริ่มเปิดบิล 2,500 บาท และให้เป็นตัวแทนมีสินค้าให้ พอตนทดลองใช้จนหมด จึงได้สมัครเพิ่มอีก 25,000 บาท และก็มีรายการสินค้ามาให้ เพื่อให้ ลูกค้าดู พอลูกค้าจ่ายเงินถึงจะไปเอาสินค้าให้กับลูกค้า จากนั้นมีการหว่านล้อมให้ลงทุนเพิ่มอีกจำนวน 250,000 บาท และจากบิลบอร์ดที่โฆษณาใหญ่โต มีดาราที่มีชื่อเสียงมากมายที่ดูน่าเชื่อถือ พร้อมกับถูกบีบด้วยช่วงเวลาให้ร่วมลงทุน จึงทำให้หลงเชื่อ หลังจากลงทุนไป 250,000 บาท ตนเหมือนถูกบริษัททิ้งไม่สนใจ

น.ส.หญิง กล่าวอีกว่า หลังเกิดเรื่องตนได้ติดตามข่าวและพยายามหาช่องทาง ที่จะแจ้งความ ซึ่งตนไม่รู้ว่าจะแจ้งความที่ไหน หรือสามารถติดต่อที่หน่วยงานไหนได้บ้าง หลังจากนั้นได้ติดต่อไปที่กองปราบ แต่ทางเพจของกองปราบได้ปิดทำการ และตนก็ไม่ทราบว่าเคสนี้เป็นเคสพิเศษหรือไม่กลัวไปกองปราบแล้วผิดที่ ตนจึงได้ติดต่อไปที่ สภ.บางใหญ่ เนื่องจากบ้านของตนอยู่ใกล้โรงพักบางใหญ่ พอติดต่อไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่ารับแจ้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความชำนาญการ ให้ลองติดต่อไปที่ศูนย์ดำรงธรรม หรือไปที่กองปราบเลย ซึ่งตนก็ได้ถามไปว่ากองปราบจะเปิดไหม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกกลับมาว่าเขาก็ไม่ทราบเหมือนกัน วันนี้ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปที่กองปราบ เพราะตนรู้สึกว่าที่นั่นจะชัดเจนกว่า ซึ่งตอนแรกที่คุยกับสามี ได้บอกแค่ว่า ตอนโทรไปที่สภ.บางใหญ่ก็เพื่อจะสอบถามว่าเขารับแจ้งความไหม แต่ตนก็ตัดสินใจไปกองปราบและตนก็เข้าไปให้ปากคำ แต่สามีนั่งรออยู่ด้านนอก พอนักข่าวมาเห็นทะเบียนบ้านว่าอาศัยอยู่ที่อำเภอบางบัวทอง ทางนักข่าวจึงคิดว่าตนไปสอบถามที่ สภ.บางบัวทอง ทำให้ข้อมูลมันคลาดเคลื่อน อยากจะขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ที่ตนสื่อสารกันไม่ดี ซึ่งวันนี้ทางกองปราบดูแลดีมาก