ปปง.สั่งอายัดทรัพย์ “บอสพอล”- “กันต์ กันตถาวร” พร้อมพวกกว่า 125ล้าน

เลขาฯ ปปง. ลงนามคำสั่ง อายัดทรัพย์ “บอสพอล” แห่ง ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด , “ กันต์ กันตถาวร” พร้อมพวก รวม 4 ราย โดยให้ยึดเงิน ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ บัญชีเงินฝากทั้งกระแสรายวัน -ฝากออมทรัพย์ และเงินในบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล 11 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 125,548,076.99 บาท พร้อมดอกผลไว้ไม่เกิน 90 วัน

ปปง.สั่งอายัดทรัพย์ “บอสพอล”- “กันต์ กันตถาวร” พร้อมพวกกว่า 125 ล้าน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

15 ต.ค.2567 จากกรณีที่สำนักงานปปง. ได้รับรายงาน จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กรณี บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก ซึ่งมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับความผิดตามกฎหมายว่า ด้วยการกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และจากการตรวจสอบรายงานและข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมในกรณีดังกล่าว มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในกรณีดังกล่าวและกรณีมีความจำเป็น เร่งด่วน

เลขาธิการ ปปง. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 48 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542ออกคำสั่งที่ ย. 214/ 2567 ให้อายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ,นายณิชพน , ทองมี นางสาวฐิตตญา หงษ์อุปถุมภ์ไชย และนายกันต์ กันตถาวร ซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทเงิน ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เงินในบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ และเงินในบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 11 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 125,548,076.99 บาท พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน

 

ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. ขอแจ้งเตือนว่า ทรัพย์สินอื่นที่อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินนั้น หากผู้ใดโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิ ใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือมีการได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่า เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ย่อมมีความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"บิ๊กเต่า" เผยปม “ไร่ภูนับดาว” คืบหน้า 80% จ่อเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง ย้ำอย่าโยงการเมือง
สภาทต.ท่าพริกเนินทรายประชุมสมัยวิสามัญ ให้ นายกทต.ท่าพริกฯแถลงนโยบายบริหารงาน หลังได้รับเลือกตั้ง ประกาศพัฒนา 5 ด้านให้เมืองเจริญ
บูรณาการ ร่วม บุกทลายแก๊ง เงินกู้ และ จำนำรถ ยึดอาวุธปืนและรถเพียบ
“เชน ธนา” รอดนอนคุก คดีร่วมกันฉ้อโกง 79 ล้าน ศาลให้ประกันตัว ตีวงเงิน 1 ล้าน
จับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ กว่า60 ลัง มูลค่าเกือบ10 ล้านบาทริมชายแดนเตรียมขายปีใหม่
"พิชัย" รุกคุยจีน ขอซื้อมันสำปะหลังเพิ่ม เจรจาขายเอกชน สั่งพณ.เร่งขยายตลาดช่วยเกษตรกร
ศาลสั่งปรับเงิน ม็อบ 3 นิ้ว ชุมนุมต้านประชุม APEC ถูกฟ้องอ่วม 3 ข้อกล่าวหา
ไม่รับเลี้ยงให้เปลือง! ทร.จัดหนัก รวบพม่าเถื่อนใส่เรือ-เตะโด่งกลับเกาะสอง
โดนอีก! ศาลสั่งคุก “อานท์ นำภา” 4 ปี คดีปราศรัยหมิ่นสถาบันฯ รวมโทษคุกอ่วม 16 ปี
"อนุทิน" ตอบกระทู้สภาฯ ยืนยันเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ 9,000 บาท ถึงมือทุกครัวเรือนแน่นอน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น