“พิชัย” ถก “ทูตสหรัฐ” ต่ออายุ GSP ชูไทยเป็น Food Security Hub

"พิชัย" ถก "ทูตสหรัฐ" ดันการต่ออายุโครงการ GSP ชวนลงทุน Data Center และ Cloud Service เพิ่มมูลค่าการค้า ชูไทยพร้อมเป็น Food Security Hub

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 ที่ กระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย  นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือกับนายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายได้พบหารือกันหลังจากที่ได้เข้ารับตำแหน่ง โดยเน้นย้ำว่าไทยและสหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พร้อมให้ความร่วมมือกับสถานทูตสหรัฐฯ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ระหว่างกัน

 

นายพิชัย กล่าวว่า การหารือครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่ได้แจ้งให้สหรัฐฯ ทราบว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ เสริมสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการค้าและการลงทุนและพร้อมต้อนรับการมาเยือนของคณะนักธุรกิจ USABC (U.S.-ASEAN Business Council – USABC) ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้ ไทยพร้อมเป็นพันธมิตรด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเป็นฐานการผลิตในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของสหรัฐฯ เช่น ดิจิทัล AI อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ และสหรัฐฯ ก็พร้อมสนับสนุนภาคเอกชนของสหรัฐฯ ให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันทราบว่า บริษัท HP ของสหรัฐฯ ก็อยู่ระหว่างการเข้ามาลงทุนในไทย พร้อมกันนี้ ได้ขอบคุณบริษัทดิจิทัลสัญชาติสหรัฐฯ อย่างบริษัท Google และ Amazon ที่ได้ยืนยันแผนการลงทุนในธุรกิจ Data Center และ Cloud Service ในไทย ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลของภูมิภาค พร้อมทั้งได้เชิญชวนบริษัทดิจิทัลสัญชาติสหรัฐฯ อื่นๆ เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่ม นอกจากนี้ ไทยยังมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางความมั่งคงทางอาหาร (Food Security Hub) โดยเป็นคลังสินค้าและส่งออกอาหารให้กับทุกประเทศที่ต้องการ

ข่าวที่น่าสนใจ

นายพิชัย กล่าวต่ออีกว่า ไทยได้ขอให้สหรัฐฯพิจารณาเร่งรัดการต่ออายุการให้สิทธิ GSP(สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร) ที่ได้หมดอายุไปเมื่อปลายปี 2563 ให้เสร็จโดยเร็วเนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศ อีกทั้ง ได้แสดงความยินดีต่อการสรุปผลแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) ที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การปลดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (WL)

 

 

 

ในปี 2566 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 2 ของไทย รองจากจีน โดยมีมูลค่าการค้ารวม 67,659.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ 48,352.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบขณะที่สหรัฐฯ เป็นแหล่งนำเข้าลำดับ 3 ของไทยมีมูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐฯ 19,307.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

คุมตัว 17 ผู้ต้องหา "ดิไอคอน" ขอฝากขังศาล "บอสพอล" ยังสอบปากคำไม่เสร็จ
ซีพีเอฟหนุนประมงเพชรบุรีปราบปลาหมอคางดำต่อเนื่อง พบใน 18 คลองปริมาณปลาหมอคางดำลดลง
สกัดจับ รถ 3 คัน ลอบ ขนบุหรี่เถื่อนกว่า 5 หมื่นซอง มูลค่า ค่าปรับกว่า 300 ล้าน
“ประเสริฐ” เอาจริง เด็ดปีกเทวดา ปม "ดิ ไอคอน" ชี้คลิปเสียงพาดพิงถึงใคร ต้องเข้าชี้แจง
บริษัทผู้รับเหมาช่วงแถลงข่าวเรียกร้องค่าตอบแทนค้างจ่ายจาก UJV - Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (“Samsung”), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. (“Petrofac”) และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (“Saipem”) ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา-แหลมฉบัง จ.ชลบุรี
"ตำรวจสอบสวนกลาง" เผยภาพกราฟิก “ธี่พัก ขบวนการแชร์ลูกโซ่” ชาวเน็ตแห่คอมเมนต์
ซวยแล้ว สาวจากเยอรมันชี้เป้า “เมียกันต์” เป็นแม่ข่ายตัวเป้ง ทำสูญเงินเป็นล้าน
“จิราพร” จ่อเรียก 10 บริษัท ทำธุรกิจคล้าย “ดิ ไอคอน” พบ สคบ. ยันหากผิดต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
สภาฯถกรายงานนิรโทษกรรม “ชูศักดิ์” ย้ำม.112 เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่มีบทบังคับ ผูกมัดให้ “ครม.”ดำเนินการ
ช่อง 7 ชี้แจงแล้ว หลังอดีตผู้บริหาร เอี่ยว "ดิ ไอคอน" เป็นแม่ข่ายชักจูงคน ทำธุรกิจ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น