“23 ตุลาคม วันปิยมหาราช” ตำนาน การเลิกทาส เสด็จพ่อ ร.5

น้อมรำลึก “23 ตุลาคม วันปิยมหาราช” เสด็จพ่อ ร.5 ครองราชย์นาน 42 ปี กับตำนาน การเลิกทาส พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ที่ทำให้ไทย ไม่เป็นทาสอีกต่อไป

 

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

Top News รายงาน “23 ตุลาคม วันปิยมหาราช” นับได้ว่า เป็นวันสำคัญของพสกนิกรชาวไทยอีกหนึ่งวัน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระมหากษัตริย์ไทย แห่งราชวงศ์จักรี จึงเป็นวันที่ปวงชนชาวไทย น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงพระราชทานชีวิตใหม่ ด้วยการสั่งให้มีการเลิกทาส ทำให้พระองค์ทรงได้รับพระสมัญญาว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน” หรือที่ชาวไทยเรียกกันว่า “เสด็จพ่อ ร.5” ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม เป็น “วันปิยมหาราช”

ข่าวที่น่าสนใจ

23 ตุลาคม วันปิยมหาราช ประวัติความเป็นมา

 

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ พระบรมราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน. 2396 เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์ (สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี) เมื่อพระชนมายุได้ 9 พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น “กรมหมื่นพิฆเนศวรสุรสังกาศ”ต่อมาเมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น “กรมขุนพินิตประชานาถ” จากนั้นได้ขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2411 และบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2411 ทรงพระนามว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”

 

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประเทศสยามได้มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการพัฒนาให้กับชาติเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การไฟฟ้า การไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ แต่พระราชกรณียกิจที่โดดเด่นที่สุด และทำให้ชาวไทยได้ปลดปล่อยอิสระแรงงาน ซึ่งถือเป็นการให้ชีวิตใหม่ต่อประชาราษฎร์ คือ การเลิกทาส ทำให้พระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

 

จนกระทั่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สวรรคต เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2453 รวมพระชนมพรรษา 58 พรรษา ครองราชสมบัตินานถึง 42 ปี ซึ่งเป็นวันที่คนไทยทั้งประเทศต้องพบกับความเศร้าโศกครั้งยิ่งใหญ่

 

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

ต่อมาทางราชการได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นวันที่ระลึกสำคัญของชาติเรียกว่า “วันปิยมหาราช” และกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ ซึ่งอยู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งต่อมาเป็นกรุงเทพมหานคร ร่วมด้วยกระทรวงวัง ซึ่งต่อมาเป็น สำนักพระราชวัง ได้จัดตกแต่งพระบรมราชานุสาวรีย์ ตั้งราชวัติฉัตร 5 ชั้น พร้อมประดับโคมไฟ ทอดเครื่องราชสักการะที่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

23 ตุลาคม วันปิยมหาราช ครบรอบกี่ปี

 

พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วันปิยมหาราช ครั้งแรกเกิดขึ้นถัดจากปีที่ได้ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานถวายแล้วเสด็จฯ ไปวางพวงมาลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะที่พระบรมราชานุสาวรีย์

 

23 ตุลาคม วันปิยมหาราช

 

การเลิกทาส

 

“การเลิกทาส” นับเป็นพระราชกรณียกิจอันสำคัญ ที่ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงได้รับพระสมัญญาว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่า มีทาสในแผ่นดินเป็นจำนวนมาก และลูกทาสในเรือนเบี้ยจะสืบต่อการเป็นทาสไปจนรุ่นลูกรุ่นหลานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าไม่มีเงินมาไถ่ตัวเองแล้วต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต พระองค์จึงมีพระราชหฤทัยแน่วแน่ว่า จะต้องเลิกทาสให้สำเร็จ แม้จะเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะทาสมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ อีกทั้งเจ้านายที่เป็นใหญ่ในสมัยนั้นมักมีข้ารับใช้ เมื่อไม่มีทาส บุคคลเหล่านี้อาจจะไม่พอใจและก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เหมือนกับที่เกิดขึ้นในต่างประเทศมาแล้ว

 

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงตราพระราชบัญญัติขึ้น เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2417 ให้มีผลย้อนหลังไปถึงปีที่พระองค์เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ มีบัญญัติว่า ลูกทาสซึ่งเกิดเมื่อปีมะโรง พ.ศ. 2411 ให้มีสิทธิได้ลดค่าตัวทุกปี และพอครบอายุ 21 ปี ให้ขาดจากความเป็นทาสทั้งชายและหญิง จากนั้นใน พ.ศ. 2448 จึงได้ออกพระราชบัญญัติเลิกทาสที่แท้จริงขึ้น เรียกว่า “พระราชบัญญัติทาส ร.ศ. 124” (พ.ศ. 2448) เลิกลูกทาสในเรือนเบี้ยอย่างเด็ดขาด เด็กที่เกิดจากทาส ไม่ต้องเป็นทาสอีกต่อไป และการซื้อ-ขายทาสเป็นโทษทางอาญา ส่วนผู้ที่เป็นทาสอยู่แล้วให้นายเงินลดค่าตัวให้เดือนละ 4 บาท จนกว่าจะหมด

 

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูล : วิกิพีเดีย, myhora

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"อานนท์" คอตก นอนคุกต่อ ศาลฎีกา ยกคำร้อง ไม่ให้ประกันคดี 112 ปราศรัยเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน
"สรรเพชญ" แนะรัฐบาลใช้ผลดี "ธปท." ลดดอกเบี้ย นำกระตุ้นศก.ให้ได้ผลจริงจัง
สวยงาม ภาพสามมิติ "หมูเด้ง" โผล่คาบดอกบัวถวาย "หลวงพ่อรวย" หวังดึงคนรุ่นใหม่เข้าวัด
เช็กด่วน "แอร์" ยี่ห้อดัง 2 รุ่น ราชกิจจานุเบกษา ยกเลิกประกาศห้ามขายแล้ว
“หมอวรงค์” ตอกกลับ “ภูมิธรรม” คนผิดไม่ยอมรับผิด ทำประเทศป่วน
"เขื่อนเจ้าพระยา" ปรับลดระบายน้ำต่อเนื่อง หลังฝนลดน้อยลง ส่งผลดีท้ายเขื่อนเริ่มดีขึ้น
"ทนายนิด้า" เคลื่อนไหวแจงแล้ว หลังถูก 2 ทนายดัง โพสต์แซะปมเมียน้อย
ผบ.ทรภ.1 ตรวจเยี่ยมหน่วย พื้นที่ทางทะเลฝั่งตะวันออก "ต้องมั่นคงปลอดภัย"
ชาวบ้านแหลมกลัดดีใจหลังนักท่องเที่ยว แห่ชมแมงกระพรุนสีคาดหมดแมงกระพรุนสี มีรายได้ครัวเรือนนับหมื่นบาท/ครัวเรือน
ตร.ท่องเที่ยว ตร.พัทยาตาม รวบต่างด้าวแก๊งขอทาน ส่งกลับบ้านเกิด ลั่นกวาดล้างคืนความสุขประชาชน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น