ปัตตานีระทึก คนร้ายปล้นรถอบต.ซุกระเบิด บึ้มที่ว่าการ-โรงพัก ขณะพื้นที่นราธิวาส จนท.คุมเข้ม ช่วงใกล้ครบรอบเหตุตากใบ

ปัตตานีระทึก คนร้ายปล้นรถอบต.ซุกระเบิด บึ้มที่ว่าการ-โรงพัก ขณะพื้นที่นราธิวาส จนท.คุมเข้ม ช่วงใกล้ครบรอบเหตุตากใบ

ปัตตานีระทึก คนร้ายปล้นรถอบต.ซุกระเบิด บึ้มที่ว่าการ-โรงพัก ขณะพื้นที่นราธิวาส จนท.คุมเข้ม ช่วงใกล้ครบรอบเหตุตากใบ

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 24 ต.ค.2567 ขณะที่ ร.ต.ท.วีรพงศ์ทองงาม รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ในโรงพัก ปรากฏว่า ได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ตัวอาคารของโรงพักสั่นสะเทือน และมีเศษกระจกแตกตกเกลื่อนกระจายตกลงพื้น

ต่อมา ทราบว่า เป็นเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ บนถนนข้างโรงพักติดกับที่ว่าการอำเภอปะนาเระ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในโรงพักจึงรีบหนีออกจากตัวอาคารโรงพัก ก่อนจะพบว่ามีเพลิงกำลังลุกไหม้ซากรถยนต์ ซึ่งเป็นรถคาร์บอมบ์ จึงทำการปิดกั้นพื้นที่ ปิดถนนเพื่อความปลอดภัย

จากนั้น นายมนชัย หนูสาย นายอำเภอปะนาเระ ซึ่งขณะเกิดเหตุอยู่ภายในบ้านพักฝั่งตรงข้ามที่ว่าการอำเภอ และอยู่ห่างจากจุดระเบิดคาร์บอนเพียง 50 เมตร ได้รีบออกมาตรวจสอบสถานการณ์พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ระวังเหตุซ้ำซ้อน ที่อาจจะเกิดขึ้น ประมาณ 30 นาที ไฟที่ไหม้รถคาร์บอมบ์ได้ดับลง ตรวจสอบเบื้องต้นไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีเพียงเจ้าหน้าที่ตรวจ และ อส.ซึ่งกำลังเฝ้าเวรที่ป้อมมีอาการหูอื้อเท่านั้น

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบซากรถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีเทา ทะเบียน กค 4052 ปัตตานี ซึ่งเป็นรถของ อบต.บ้านน้ำบ่อ สภาพเหลือแต่ซากแรงระเบิดทำให้ชิ้นส่วนรถกระจัดกระจายไปทั่ว บางชิ้นกระเด็นตกลงหลังคาบ้านพักของ นายมนชัย หนูสาย นายอำเภอปะนาเระ จนแตกทะลุชั้นสองของบ้าน โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย นอกจากนี้ยังทำให้ผนังอาคารไม้ที่ว่าการอำเภอปะนาเระ หลังเก่าผังเสียหาย กระจกอาคารอำเภอหลังใหม่แตก กำแพงพังเสียหาย เช่นเดียวกับกระจกอาคารโรงพักทั้ง 4 ชั้นแตกเสียหายหมด และยังทำให้รถยนต์ และรถ จยย.หลายคันเสียหายไปด้วย

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ปานบุญทอง ผกก.สภ.ปะนาเระ สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.ปะนาเระ ได้เข้าไปตรวจสอบที่ทำการ อบต.บ้านน้ำบ่อ เนื่องจากรถคาร์บอมบ์ที่คนร้ายนำมาก่อเหตุเป็นรถของ อบต.บ้านน้ำบ่อ ปรากฏว่า เมื่อไปถึงพบสิ่งผิดปกติเนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ดูแลด้านนอก อบต. และเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในอาคาร อบต. พบว่า มีเจ้าหน้าที่ และ รปภ.จำนวน 4 คน ถูกมัดมือมัดเท้าขังไว้ จึงได้รีบเข้าไปช่วยเหลือก่อนจะเชิญตัวมาสอบปากคำที่ สภ.ปะนาเระ ทราบชื่อ 1.นายมูฮัมหมัดซอฟี มิงซู 2.นายมาหามะ สาแม 3.นายอาหะมะ อาแว และ 4.นายมะฮูเซ็ง วานิ ซึ่งทั้ง 4 คนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

จากการสอบสวนทราบว่า ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ก่อนเกิดเหตุคาร์บอมบ์ประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะที่ทั้ง 4 คน เข้าเวรดูแลความปลอดภัย ปรากฏว่ามีคนร้ายประมาณ 10 คนแต่งกายชุดดำปกปิดใบหน้าพร้อมอาวุธปืนยาวบุกเข้ามาพร้อมข่มขู่ไม่ให้เสียงดังก่อนจะจัดทั้ง 4 คน มัดมือมัดเท้าแล้วบังคับให้นำกุญแจรถคันดังกล่าวให้ จากนั้นคนร้ายจึงรีบขโมยรถขับหนีออกไป โดยขังทั้ง 4 คนไว้ในอาคาร

จากนั้นเจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบพฤติการณ์ของคนร้ายหลังจากขโมยรถขับออกจาก อบต.ก่อนจะหายไป จากนั้นกล้องจับภาพได้อีกครั้ง ขณะที่คนร้ายขับรถมาตามเส้นทางด้านหลังอำเภอ โดยมีคนร้าย 1 คนขับขี่รถ จยย.ตามหลัง 1 คัน และเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุคนร้ายจึงได้จอดรถคาร์บอมบ์ไว้ ซึ่งเป็นถนนคั้นกลางระหว่างที่ทำการอำเภอปะนาเระและ สภ.ปะนาเระ

จากนั้น คนร้าย 1 คน ออกจากรถแล้วรีบขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.ก่อนจะขับหลบหนีกลับไปเส้นทางเดิม ประมาณ 5 นาที คนร้ายจึงได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม กระทั่งเกิดเหตุระเบิดความเสียหาย แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการเก็บรวบรวมวัตถุพยานพร้อมตรวจสอบหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามคนร้ายต่อไป

ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุนั้น เบื้องต้น ชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่คง ระบุว่า เหตุครั้งนี้เชื่อว่าเป็นฝีมือของ กลุ่มนายอับดุลเลาะ มูดอ ซึ่งเป็นมือระเบิดที่เคยก่อเหตุมาแล้วในพื้นที่ เนื่องจากพบว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2556 คนร้ายเคยบุกเข้าไปปล้นรถกระบะของ อบต.บ้านน้ำบ่อมาแล้ว แต่ยังไม่พบว่ารถคันดังกล่าวคนร้ายนำไปก่อเหตุใดบ้าน และเชื่อว่าเหตุคาร์บอมบ์ครั้งนี้น่าจะเชื่อมโยงกับคดีตากใบ ซึ่งคนร้ายมีความพยายามตอบโต้เพื่อสร้างสถานการณ์

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่บรรยากาศในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยเฉพาะรอยต่อเข้าเขตอำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส วันนี้กองกำลัง 3 ฝ่ายสนธิกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตั้งแต่จุดตรวจต่าง ๆ รอบอำเภอเมือง โดยเฉพาะจุดตรวจหลักบ้านปลักปลา เจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นตรวจสอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อย่างละเอียดทุกคัน ตรวจเอกสารการครอบครองรถเพื่อป้องกันรถที่ถูกโจรกรรมเพื่อใช้ในการก่อเหตุ

ขณะเดียวกันมีการลาดตระเวนเดินเท้าในเขตเทศบาลเมือง ตามตลาดสด ร้านค้า เพื่อดูแลความปลอดภัยและเฝ้าสังเกตสิ่งผิดปกติ

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ได้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยทุกจุด โดยเป็นการเฝ้าระวังการฉวยโอกาสเพื่อก่อเหตุป่วนช่วงใกล้ครบรอบเหตุการณ์สลายการชุมชนหน้า สภ.ตากใบ ประกอบกับ อายุความผู้ที่ถูกออกหมายจับในเหตุการณ์ดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 นี้ ซึ่งอาจจะมีการสร้างสถานการณ์เพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ได้

ขณะเดียวกันมีการรายงานแจ้งเตือน เพื่อเฝ้าระวังการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแจ้งประชาสัมพันธ์ประชาชนหากพบเห็นสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

โดยคืนวันที่ 23 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ ต.เจ๊ะแห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัย วางไว้โคนเสาไฟฟ้า ริมถนน ตากใบ-หัวคลอง หมู่ที่ 6 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบเบื้องต้น และประสานชุด EOD เข้าตรวจสอบแล้ว

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดใจเจ้าของป้ายสุดแปลก "รับซื้อบ้านผีสิง" ยันซื้อจริง ไม่คอนเทนต์
“บิ๊กโจ๊ก” รอฟ้าเปิด ความจริงปรากฎ-คัมแบ็คตร. เจ็บมาเยอะแค่นี้ไม่สะเทือน
ศาลอาญาฯ พิพากษาจำคุกจำเลยคดีแชร์ลูกโซ่ "คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์" 1.7 หมื่นปี
คลี่ 6 ข้อกล่าวหาเขย่าขวัญ “ทักษิณ” ล้มล้างฯ จับตาศาลรธน.รับ-ไม่รับคำร้อง?
เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ "โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่" จ.สมุทรสาคร คาดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน
เกิดแผ่นดินไหวบริเวณ "จ.ลำพูน" ขนาด 2.5 ลึกประมาณ 1 กิโลเมตร ปชช.รับรู้แรงสั่นสะเทือน
"กรมอุตุฯ" เผยภาคเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในช่วงเช้า กทม.เช้านี้ 24 องศา เตือน 14 จังหวัดภาคใต้ ฝนยังตกหนัก
นาทีชีวิต 3 พลเมืองดี ช่วยหนุ่มจะกระโดดสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง
แตกตื่นช่างไฟดวงกุดซ่อมพัดลมเพดาน อะโกโก้ พลาดถูกช็อตดับ
เดือดร้อนหนัก ! เด็กนักเรียน มพย.7 กว่า 1,000 คน ไม่มีห้องเรียนต้องอาศัยเรียนนอกอาคาร หลังคนร้ายลักลอบตัดสายไฟ จากหม้อแปลงส่งไฟไปอาคารเรียนและโรงยิม วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น