วันนี้ (25 ก.ย. 64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดวันนี้ ปริมาณน้ำที่สถานวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,186 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และน้ำที่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณอยู่ที่ 16.50 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 14.54 เมตร/รทก. และเขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนอยู่ที่ 2,119 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ด้านนายกฤษฎา ศรีเพิ่มพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 เปิดเผยว่า ปัจจุบันน้ำจากทางด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน อยู่ที่ประมาณ 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งมวลน้ำดังกล่าวเป็นน้ำท่าที่เกิดจากฝนตกและไหลลงมาจากตอนบน ประกอบกับในช่วงเวลานี้มีพายุเข้าทางพื้นที่ภาคอีสาน รวมทั้งร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคกลางอยู่ จึงทำให้น้ำจาก สถานีวัดน้ำ C.2 ไหลลงมาสู่เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันเขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำอยู่ที่ 2,100 ลูกบาศกเมตรต่อวินาที
นอกจากนี้ยังมีการผันน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาได้เต็มศักยภาพในส่วนหนึ่งอีกทั้งยังเป็นการควบคุมการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้สูงขึ้นโดยรวดเร็ว นอกจากนี้ยังคาดการณ์เอาไว้ว่าน้ำทางด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่ยังมีอยู่ก็จะส่งมาที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ในอีกประมาณ 2 วันข้างหน้า ซึ่งสถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จะมีน้ำสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 2,400 ลูกบาศก์เมตร และจะมวลน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง ที่ จ.อุทัยธานี ไหลลงมาสมทบและรวมกันที่ หน้าเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น จึงจะต้องทำให้เขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก และจะมีการควบคุมการระบายน้ำอยู่ที่ประมาณ 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ทั้งนี้จากการระบายน้ำดังกล่าวทางสำนักงานชลประทานที่12 โดยกรมชลประทาน ก็ขอแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นอกคันกั้นน้ำซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ และชุมชนริมแม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.อ่างทอง จ.สิงห์บุรี และ จ.ชัยนาท อาจจะได้รับผลกระทบเพิ่มมากขึ้น ก็ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวยกของขึ้นสู่ที่สูง และเฝ้าติดตามข่าวสารสถานการณ์น้ำอยู่เวลา