“กัณวีร์” หนุนยกเลิก MOU 44 ปมข้อพิพาทเขตแดน แนะตั้งสติแก้ปัญหา ให้ประเทศไม่บอบช้ำ
ข่าวที่น่าสนใจ
4 พ.ย. 2567 นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า กรณีข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา กับการเมืองแห่งการตั้งสติ
ฟังข่าวประเด็นเขตแดนไทย-กัมพูชามาพอสมควร จริงๆ ไม่อยากเข้ามาแสดงความคิดเห็นอะไรเพราะกลัวว่าอาจนำข้อมูลที่เคยทำงานเมื่อก่อนซึ่งยังมีชั้นความลับอยู่ออกมาเปิดเผย แต่ขอยืนยันนะครับ ผมจะปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับทางราชการอย่างเคร่งครัด
เอาให้ง่ายและชัด คือ
1) ประเด็นปัญหาเรื่องเขตแดนยังไม่เสร็จสิ้นระหว่างไทย-กัมพูชา MOU 44 ยังมีอยู่ หลักเขตที่ 73 ยังเป็นประเด็นของ No Man Land และการลากเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศที่ยังไม่สามารถหาข้อตกลงได้ระหว่างกันอยู่
2) เข้าใจลักษณะทางความคิดและความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหารของทั้งสองประเทศที่มีความใกล้ชิดกันมากๆ จนสามารถหารือกันข้ามช๊อตไปถึงการแสวงหาความสัมพันธ์ด้านการพัฒนาธุรกิจปิโตรเลียมทางทะเลที่ฝังอยู่ในเขตแดนที่ยังมีข้อพิพาทกันอยู่ได้ ซึ่งหากทำได้จะดีมั้ย คำตอบคือมันดี แต่คำตอบของคำถามว่าพร้อมมั้ย ผมมั่นใจว่ายังไม่พร้อม
แล้วจะเอายังไงกันต่อดี ต้องขอพูดอย่างนี้นะครับ การเมืองไทยในปัจจุบันมันคือการเมืองแห่งการตั้งสติครับ คืออันแรกทุกคนต้องเข้าใจถึงความประสงค์ของทุกฝ่ายให้ได้ว่าทุกฝ่าย “หวังดี” มองผลประโยชน์ที่จะเข้ามาให้ประเทศชาติด้วยกันทุกฝ่าย ทั้งการเพิ่มพูน “กำไร” ให้ชาติ และการ “ป้องกันและปกป้อง” ผลประโยชน์ชาติ
และที่สำคัญที่สุดที่ทุกคนต้องคิดต่อ คือ ทางไหนที่จะเป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด กำไรที่จะเพิ่มพูนศักยภาพของประเทศจะมากกว่าสิ่งที่เราจะต้องสูญเสีย และหากพิจารณาแล้วกำไรมากกว่า ต้องคิดต่อว่าสิ่งที่เราจะสูญเสียนั้น ถึงแม้ว่าจะน้อยกว่าสิ่งที่จะเพิ่มพูน มันจะเป็นสิ่งที่สูญเสียแล้ว “ยอมรับ” ได้หรือไม่ !!
สุดท้ายที่สำคัญมากๆ คือ อย่าโกรธกันครับ อย่าโยนบาปให้กันและกันว่าความคิด “ฝั่งเรา” ดีกว่า “อีกฝั่ง” มันไม่มีฝั่งหรือฝ่ายหรอกครับ เราอยู่ในประเทศไทยฝั่งและฝ่ายเดียวกันทั้งนั้น
พอเราดึงสติกลับมาได้แล้วลองพิจารณาดูที่เหตุและผลของเรื่องเขตแดนและการรักษาผลประโยชน์ของชาติที่เกี่ยวข้อง หากรัฐบาลมีหมุดหมายที่จะก้าวข้ามปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานด้านเขตแดนและกรณีข้อพิพาทเหนือดินแดนกับประเทศเพื่อนบ้านโดยการใช้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจพลังงานเป็นตัวนำ มันจะสามารถทำได้โดยการ stand alone เรื่องความสัมพันธ์ร่วมทางธุรกิจพลังงานด้านปิโตรเลียมทางทะเลโดยมองข้ามกรณีข้อพิพาทได้หรือไม่ ?
คำตอบค่อนข้างชัดตามข้อมูลด้านความมั่นคงเรื่องเขตแดนนะครับว่า “ไม่ได้” ทุกอย่างต้องพิจารณาไปพร้อมๆ กัน และยิ่งโดยเฉพาะเรื่องนี้ ข้อพิพาททางเขตแดนควรจะถูกแก้ไขเสียก่อนที่จะวางแผนการพัฒนาธุรกิจร่วม มิใช่กลับหัวกลับหางกันอย่างนี้ !!
ถ้าจะเอาให้ได้เรื่องนี้ต้องแก้ไขหรือยกเลิก MOU 44 ที่เป็นต้นเหตุแห่งปัญหาหลักเขตที่ 73 ที่เป็นต้นเหตุแห่งปัญหาให้ได้ ปัญหาแห่งการลากเขตแดนตามความต้องการของแต่ละฝ่ายออกไป เราไม่สามารถเอาปัญหาใหญ่ๆ ด้านความมั่นคงมา “พักไว้ก่อน” ตามการคำนวนคณิตศาสตร์ แล้วใส่สมการด้านธุรกิจเพื่อปิดกลบปัญหาความมั่นคงไปก่อน แล้วข้อพิพาทจะดีขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเรื่องดินแดนคือเรื่องอธิปไตยของประเทศ
จัดลำดับความสำคัญให้ได้ครับ แล้วจะเห็นว่าแก้ตรงไหนก่อน เพื่อจะไปสู่เรื่องการพัฒนาด้านอื่นๆ อันนี้ไม่ได้ตำหนิแนวคิดใดๆ ครับ ทุกแนวคิดมันมีผลดีของมัน แต่ต้องหาสิ่งที่จำเป็นและส่งผลที่ดีที่สุดเสียก่อนครับ
สุดท้ายสิ่งที่สำคัญมาก ๆ คือการตั้งสติกันครับ ประเทศเราบอบช้ำมานานแล้ว ไม่ควรจะบอบช้ำเพิ่มจากการแบ่งพวกเขาและพวกเรา ช่วยกันเดินช่วยกันสร้างประเทศของเราไปด้วยกันครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น