เจาะ “MOU44” พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา “เกาะกูด” เป็นของใคร

เปิดหลักฐาน “MOU44” หรือ MOU 2544 พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ขุมทรัพย์ทางพลังงานมูลค่ามหาศาล “เกาะกูด” เป็นของใคร 

 

เจาะ MOU44 เกาะกูดเป็นของใคร

 

Top News รายงาน ถึงแม้ว่า จากอดีตถึงปัจจุบัน “เกาะกูด” จะอยู่ในการปกครองของประเทศไทยมาตลอด แต่ข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ที่กินเวลายาวนาน ก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ ความคาดหวังการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา จึงถูกจับตาอีกครั้ง เนื่องจากพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเกาะกูด กว่า 26,000 ตารางกิโลเมตร มีก๊าซธรรมชาติถึง 11 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต มูลค่า 3.5 ล้านล้านบาท, น้ำมันดิบอีกกว่า 500 ล้านบาเรลล์ มูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท นั่นหมายความถึง ทรัพยากรที่มีมูลค่ามหาศาล…ประเด็น “MOU44” หรือ MOU 2544 หรือ บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ที่มีการลงนามร่วมกัน ถูกหยิบยกขึ้นมา เพราะหลายฝ่ายมีความกังวลว่า “MOU44” จะทำให้เสียพื้นที่เกาะกูดให้กับกัมพูชา

ข่าวที่น่าสนใจ

เจาะ MOU44 ไทยเสียเกาะกูดได้หรือไม่

 

พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ขนาด 26,000 ตร.กม. ที่เกิดจากการประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยของทั้งไทยและกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกัน ผ่านการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 หรือที่เรียกกันว่า MOU44

 

สุพรรณวษา โชติกญาณ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย อธิบายว่า MOU44 ระบุให้ดำเนินการทั้งในเรื่องการแบ่งเขตทางทะเล และการพัฒนาพื้นที่ร่วมไปพร้อมกัน โดยให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาหารือกันบนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศและผลประโยชน์ร่วมกัน โดยมีกลไกหลักของการเจรจาแก้ไขปัญหา OCA ภายใต้ MOU 44 คือคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ซึ่งประกอบด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น ด้านความมั่นคง กฎหมาย และพลังงาน โดยที่ผ่านมา มีการประชุม JTC สองครั้ง เมื่อปี 2544 และ 2545

 

นอกจากนี้ ยังมีกลไกย่อยอื่นๆ ได้แก่ คณะอนุกรรมการร่วมด้านเทคนิค (Sub-JTC), คณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชาเกี่ยวกับการกำหนดเขตทางทะเล และคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชาเกี่ยวกับระบอบพัฒนาแนวทางร่วมในการแก้ไขปัญหา OCA ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเห็นสอดคล้องกัน ทั้งในระดับนโยบายและระดับเทคนิค คือ

 

  1. ประชาชนของทั้งสองประเทศจะต้องยอมรับข้อตกลงได้
  2. จะต้องนำเรื่องให้รัฐสภาของทั้งสองประเทศพิจารณาให้ความเห็นชอบ
  3. ข้อตกลงจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

ดังนั้น MOU44 จึงเป็นความตกลงที่กำหนดกรอบและกลไกการเจรจาระหว่างกัน โดยไม่ได้เป็นการยอมรับการอ้างสิทธิทางทะเลของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องเจรจากันต่อไป ในข้อ 5 ระบุไว้อย่างชัดเจน

 

นอกจากนี้ เกาะกูดเป็นดินแดนของประเทศไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และปัจจุบัน ไทยใช้อำนาจอธิปไตยเหนือเกาะกูด 100%

MOU44

ข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า MOU44 มีเพียง 3 หน้า ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยหน้า 3 เป็นเอกสารแนบ หัวใจอยู่ที่ข้อ 2 ที่แบ่งเป็นข้อ ก กับข้อ ข

 

  • ข้อ ก – จัดทำความตกลงกันสำหรับการพัฒนาทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันซึ่งอยู่ในพื้นที่พัฒนาร่วม หรือ JDA (Joint Development Area) ในพื้นที่สีขาวส่วนล่างของแผนผังแนบท้าย
  • ข้อ ข – ตกลงแบ่งเขตแดนทางทะเล (ทะเลอาณาเขต, ไหล่ทวีป และเขตเศรษฐกิจจำเพาะ) ซึ่งอยู่ในพื้นที่แลเงาสีดำเป็นเสมือนทางม้าลายส่วนบนของแผนผังแนบท้าย เรียกว่าเขต Area to be Delimited

 

ทั้งนี้ พื้นที่ส่วนล่าง ข้อ ก มีขนาด 16,000 ตารางกิโลเมตร ขณะที่พื้นที่ส่วนบน ข้อ ข มีขนาด 10,000 ตารางกิโลเมตร

 

MOU44

 

แหล่งก๊าซธรรมชาติมูลค่าหลายร้อยล้าน ตัวแปรสำคัญ

 

ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว หรือ MOU44 เคยเขียนบทความในจุลสารความมั่นคงศึกษา ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ฉบับที่ 92 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 เรื่อง พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ไว้ว่า แม้การลงนาม MOU44 นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ยืนยันว่า จะยกเลิกข้อเรียกร้องการถือครองเกาะกูดครึ่งหนึ่ง และยอมรับว่าเกาะกูดเป็นของไทย โดยแผนผังที่แนบท้ายบันทึกความเข้าใจได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “เกาะกูดอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย”

 

แต่ทว่า การค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ในพื้นที่ทับซ้อนในเวลาต่อมา ทำให้บริษัทน้ำมันข้ามชาติหลายแห่งสนใจเข้ามาลงทุนผ่านทางกัมพูชา ซึ่งอาจส่งผลให้การเจรจาในอนาคตยากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ความต้องการพลังงานเพิ่มสูงขึ้น และมีผู้เล่นใหม่ๆ ที่สนใจเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น

 

“เกาะกูด” อาจจะไปไกลถึงศาลโลก และจะซ้ำรอยเหมือน “เขาพระวิหาร” หรือไม่ เมื่อตัวแปรสำคัญคือแหล่งก๊าซธรรมชาติ ที่มีผลประโยชน์มหาศาล

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เดือดร้อนหนัก ! เด็กนักเรียน มพย.7 กว่า 1,000 คน ไม่มีห้องเรียนต้องอาศัยเรียนนอกอาคาร หลังคนร้ายลักลอบตัดสายไฟ จากหม้อแปลงส่งไฟไปอาคารเรียนและโรงยิม วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี
ไม่รอดสายตา 2 นายพรานย่องเบาหวังเข้ามาล่าสัตว์ในเขตอุทยานฯ เจ้าหน้าที่เร็วกว่าเข้ารวบก่อนลงมือล่า
"พิพัฒน์" ลุยเพื่อแรงงาน ถกประกันสังคมเอสโตเนีย ยกระดับบริการให้สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน
ศาลอาญา สั่งจำคุก 4 ผู้ชุมนุมกลุ่ม REDEM คนละ 2-4 ปี ฐานทำร้ายคฝ. ก่อนได้ประกันตัว
ครบรอบ 118 ปี กองทัพเรือ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ มีสารจาก ผบ.ทร.
นายกสมาคมสื่อมวลชน และ นักประชาสัมพันธ์ภาคตะวันออก พร้อม ผู้สื่อข่าวภาคตะวันออก ร่วมแสดงความยินดี นริศ นิรามัยวงศ์ เดินทางมารับตำแหน่งใหม่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร
นายกเทศมนตรีเมืองมาบตาพุด ผลักดัน "โครงการ สร้าง ซ่อม ที่อยู่อาศัย" เพื่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุและผู้พิการประจำปี 2567
โซเชียลแห่ยกย่อง “น้องโนอาห์” วัย 1 ขวบ เสียชีวิตภาวะสมองตาย ครอบครัวบริจาคไตให้ผู้รอรับการรักษา
รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ นำกำลังพลร่วมกิจกรรม "วันกองทัพเรือ" 20 พ.ย.
ผู้บัญชาการ ฐานทัพเรือสัตหีบ ให้การต้อนรับ นาวาเอก อเล็กเซย์ แอนต์ซิเฟรอฟ ผู้บังคับหมู่เรือ กองทัพเรือรัสเซีย พร้อมด้วยคณะ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น