อิสราเอล แจ้งยุติ UNRWA อย่างเป็นทางการ
อิสราเอลแจ้งยุติสัมพันธ์กับ UNRWA อย่างเป็นทางการ หลังจากมีการลงมติห้าม UNRWA ดำเนินงานเมื่อเดือนที่แล้ว ด้านปาเลสไตน์ชี้ผลกระทบรอบด้านที่จะเกิดขึ้น จากการยุติสัมพันธ์นี้
เดวิด เมนเซอร์ โฆษกรัฐบาลอิสราเอล ออกแถลงการณ์ระบุว่า อิสราเอลแจ้งอย่างเป็นทางการต่อประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เกี่ยวกับการยุติความร่วมมือกับหน่วยงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์แห่งสหประชาชาติ (หรือ UNRWA) อย่างไรก็ดี อิสราเอลจะยังคงให้ความร่วมมือกับองค์กรด้านมนุษยธรรมต่อไป แต่ไม่ใช่กับองค์กรที่ส่งเสริมการก่อการร้ายที่มีต่ออิสราเอล
นอกจากนี้ ทางกระทรวงต่างประเทศของอิสราเอล ก็ออกแถลงการณ์ระบุว่า ตามคำสั่งของอิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอล ทางกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อสหประชาชาติแล้ว ถึงการยกเลิกข้อตกลงระหว่างอิสราเอลและ UNRWA ที่มีมาตั้งแต่ปี 1967 โดย UNRWA ซึ่งเป็นองค์กรที่มีพนักงานเข้าร่วมในการสังหารหมู่ 7 ตุลาคม และมีพนักงานจำนวนมากเป็นเจ้าหน้าที่ของกลุ่มฮามาส ถือเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในฉนวนกาซา และไม่ใช่ส่วนหนึ่งของวิธีแก้ไข ทั้งนี้ คำสั่งห้ามดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ หลังจากผ่านไป 3 เดือน
ด้านวาร์เซน อากาเบเกียน ชาฮิน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศปาเลสไตน์ ก็ได้ออกมากล่าวว่า กฎหมายเหล่านี้จะส่งผลต่อสิทธิมนุษยชน สถานการณ์ทางการเมืองและสังคม-เศรษฐกิจในรัฐปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนโดยทั่วไป กฎหมายเหล่านี้จะจุดชนวนให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมในระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้อย่างแน่นอน การตัดสินใจเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างเป็นระบบของอิสราเอล ในการล้มล้าง UNRWA และปัญหาผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์
ชาฮินกล่าวต่อไปว่า การตัดสินใจเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างเป็นระบบของอิสราเอล ในการล้มล้าง UNRWA และปัญหาผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ รวมถึงสิทธิในการกลับคืนสู่ประเทศภายใต้มติที่ 194 การรุกราน UNRWA ครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญมาก ทุกสิ่งที่อิสราเอลกำลังทำอยู่นั้นล้วนถูกประณาม เราเองจะต้องดำเนินการได้แล้ว เพราะเราไม่สามารถเป็นชาวปาเลสไตน์ในแบบที่เราเป็นอยู่ต่อไปได้ เราถูกละเมิดอยู่ตลอดเวลา จนไม่อาจทนต่อสิ่งนี้ได้อีกต่อไป และเราต้องการการสนับสนุน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐสภาอิสราเอลได้ผ่านร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ที่ห้าม UNRWA ดำเนินการในดินแดนอิสราเอล และปิดสถานที่ในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง ซึ่งรวมถึงเยรูซาเล็มตะวันออกและกาซาด้วย กฎหมายดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกให้กับสหประชาชาติ และพันธมิตรตะวันตกบางส่วนของอิสราเอล เนื่องจากกลัวว่ากฎหมายดังกล่าว จะทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาที่เลวร้ายอยู่แล้ว ให้เลวร้ายลงไปอีก
