ทรัมป์-แฮร์ริส ปักหลักลุ้นผล ใกล้เวลาปิดหีบ
เลือกตั้งสหรัฐ: ทรัมป์ – แฮร์ริส ปักหลักลุ้นผลโหวต ขณะหน่วยเลือกตั้งใน 6 ไทม์โซนทั่วประเทศใกล้ปิดฉากลง
การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้เป็นศึกที่สูสีที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ขณะนี้หน่วยเลือกตั้งบางหน่วยได้ปิดตัวลงเป็นที่เรียบร้อย และอาจเป็นการเลือกตั้งที่แตกแยกมากที่สุดด้วย เนื่องจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส มีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันมาก
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกำลังลงคะแนนเสียงใน 50 รัฐใน 6 ไทม์โซน ขณะที่กว่าผลเลือกตั้งจะประกาศ อาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์
หน่วยเลือกตั้งใน 6 รัฐของสหรัฐ ปิดทำการแล้ว รวมถึงในจอร์เจีย ซึ่งเป็นสมรภูมิสำคัญและเป็นหนึ่งใน 7 รัฐสวิงสเตท ทำให้การแข่งขันระหว่างทรัมป์และแฮร์ริสเข้มข้นที่สุด ส่วนหน่วยเลือกตั้งในรัฐอินเดียนา เคนตักกี้ เซาท์แคโรไลนา เวอร์มอนต์ และเวอร์จิเนียก็ปิดหีบแล้วเช่นกัน
หน่วยเลือกตั้งในรัฐที่ 2 พรรคผลัดกันแพ้-ชนะมากที่สุดอย่างเพนซิลเวเนียและบางส่วนของมิชิแกนปิดทำการในเวลา 20.00 นาฬิกา (8.00 น.ตามเวลาไทย) ส่วนแอริโซนา วิสคอนซิน และเขตที่เหลือของมิชิแกนปิดทำการในเวลา 21.00 นาฬิกา ขณะที่รัฐสวิงสเตทสุดท้ายอย่างเนวาดา ปิดหีบในเวลา 22.00 นาฬิกา
ซีเอ็นเอ็นรายงานผลเบื้องต้นว่า รัฐเคนตักกี้และอินเดียนาตกเป็นของทรัมป์ ขณะที่ในเวอร์มอนต์แฮร์ริสมีคะแนนนำโด่ง หากต้องการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ผู้สมัครจะต้องได้คะแนนเสียงจากคณะผู้แทน 270 เสียงจาก 538 เสียงตามระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เป็นเอกลักษณ์ของสหรัฐ
ชาวอเมริกันมากกว่า 84 ล้านคนได้ลงคะแนนเสียงไปแล้วก่อนวันเลือกตั้ง แต่สภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งอากาศร้อนจัด ฝน และหิมะตก ทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งยังคงต้องต่อคิวยาวเหยียด ที่คูหาเลือกตั้งหลายพันแห่ง รัฐหลายแห่งคาดการณ์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งสร้างความแตกแยกอย่างรุนแรง จะมีผู้มาใช้สิทธิ์มากเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ตามข้อมูลขององค์กรไม่แสวงหากำไร OpenSecrets การเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยงบทั้งหมด 1 หมื่น 5 พัน 900 ล้านดอลลาร์ (ราว 5 แสน 4 หมื่นล้านบาท) เทียบกับ 1 หมื่น 5 พัน 100 ดอลลาร์ที่ใช้จ่ายในปี 2020 และมากกว่าสองเท่าของ 6 พัน 500 ล้านดอลลาร์ในปี 2016
ทรัมป์ ผู้สมัครพรรครีพับลิกัน ได้ไปเลือกตั้ง ที่ศูนย์นันทนาการแมนเดล ในเขตปาล์มบีช รัฐฟลอริดา หลังจากลงคะแนนเรียบร้อย ทรัมป์จะเฝ้าดูผลการนับคะแนนในงานปาร์ตี้ร่วมกับ ครอบครัว เพื่อน และผู้สนับสนุน รวมถึง อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐี และโรเบิร์ต เคนเนดี จูเนียร์ พันธมิตร ที่คฤหาสน์อันหรูหราของเขาในมาร์อาลาโก ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 6 กิโลเมตร
ส่วน แฮร์ริส ผู้สมัครพรรคเดโมแครตจะปักหลักอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และจัดงานปาร์ตี้ลุ้นผลคะแนนที่มหาวิทยาลัยโฮเวิร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน โฮเวิร์ด ซึ่งมักเรียกกันว่า ฮาร์วาร์ดสำหรับคนผิวสี ก่อตั้งขึ้นในปี 1867 สองปีหลังจากสิ้นสุดสงครามกลางเมืองสหรัฐ
ถนนที่นำไปสู่ทั้งสองสถานที่ ถูกจำกัดไม่ให้ประชาชนใช้ และมีรถตำรวจวิ่งไปมาเป็นจำนวนมาก และสถานที่ทั้ง 2 ที่แตกต่างกันนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกอย่างลึกซึ้งในสหรัฐ
โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เป็นผู้หญิงมีแนวโน้มจะเทคะแนนให้แฮร์ริส ในประเด็นการทำแท้งถูกกฎหมาย อีกทั้งต้องการสนับสนุนให้สหรัฐได้ประธานาธิบดีหญิงคนแรก รวมถึงคนที่ไม่ชอบความก้าวร้าวของทรัมป์ โดยหลายคนยังจำได้ไม่ลืมถึงเหตุการณ์ที่ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม หลังจากที่ทรัมป์แพ้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนในปี 2020
ส่วนการสำรวจของสำนักข่าวเอพี ซึ่งเป็นการสำรวจผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 1แสน 1 หมื่นคนทั่วประเทศระบุว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกือบครึ่งหนึ่ง คิดว่าประเด็นการรักษาประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในใจพวกเขาขณะที่ลงคะแนนเสียง ซึ่งหากผลการสำรวจถูกต้อง ผลการสำรวจดังกล่าวควรเป็นผลดีต่อแฮร์ริสและพรรคเดโมแครต ซึ่งมองว่าทรัมป์เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือ ผลการชี้ขาดใน 7 รัฐ
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 4 ใน 10 กล่าวว่า เศรษฐกิจและการจ้างงานเป็นปัญหาสำคัญที่สุด ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งราวหนึ่งในสี่กล่าวว่า พวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีบริหารประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความไม่พอใจอย่างสุดซึ้งต่อรัฐบาลของโจ ไบเดน
สำหรับรัฐสุดท้ายที่จะปิดหีบคือ รัฐแอแลสก้าในเวลาตีหนึ่ง หรือราวบ่ายโมงตามเวลาไทย
#บก.ข่าวทีวี