CCTV และ AFP รายงานวันนี้ (พฤหัสที่ 7 พย.) ว่าประธานาธิบดีสีได้ส่งข้อความถึงทรัมป์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สหรัฐประกาศให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีคนที่้ 47 ของสหรัฐ โดยข้อความมีเนื้อหาระบุว่า “ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าจีนและสหรัฐต่างได้ประโยชน์จากความร่วมมือระหว่างกัน และเมื่อใดที่เกิดการเผชิญหน้า ก็จะสูญเสียทั้งคู่
สียังกล่าวว่า “จีนและสหรัฐต่างต้องการความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยั่งยืน และอยู่ภายใต้ความคาดหวังของประชาคมโลกด้วย” พร้อมกันนี้สีก็เรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้ทรัมป์ให้หันหน้ามาพูดคุยเจรจาและสื่อสารกันมากขึ้น เพื่อบริหารจัดการความขัดแย้ง และหาทางอยู่ร่วมกันมากขึ้นเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย
CCTV ยังรายงานว่ารองประธานาธิบดีหาน เจิ้งก็ได้ส่งสาส์นไปหาว่ารองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์เช่นกัน
ระหว่างรณรงณ์หาเสียง ทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทุกชนิดจากจีนเป็น 60%
ยุน ซุน ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกที่สติมซัน เซนเตอร์ สำนักงานวิเคราะห์ด้านการเมืองโลกที่สหรัฐชี้ว่าทรัมป์ตั้งเป้าจะลดการขาดดุลย์ทางการค้ากับจีน และว่าทรัมป์เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการต่อรองและกดดัน โดยจะกดดันแบบสุดโต่งเพื่อให้บรรลุข้อตกลง และเชื่อว่าเขาจะขึ้นภาษีจีนจริง
ทั้งนี้สีและทรัมป์เคยพบกัน 4 ครั้ง โดยทรัมป์คุยว่าเขามีความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับสีและเขาก็สามารถกดดันสีให้เลิกคิดโจมตีไต้หวันได้เพียงแค่ขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจีน 150%
สัปดาห์นี้ จีนมีการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติเพื่อกำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าผลเลือกตั้งสหรัฐจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดมาตรการ
และล่าสุดวันนี้ทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงต่างประเทศจีนก็ออกมาย้ำเตือนสหรัฐว่าสงครามการค้าจะทำให้ทั้งสหรัฐและจีนต้องพ่ายแพ้ทั้งคู่ พร้อมเรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง
นักเศรษฐศาสตร์จีนที่สถาบันการลงทุนยูบีเอสมองว่าหากสหรัฐขึ้นภาษีสินค้าจีนถึง 60% จริง ก็จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกจีนถึง 5 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ และคาดว่าจีนก็จะกำหนดมาตรการตอบโต้แน่แต่อาจตอบโต้ในวงจำกัดและต้องหันมาปรับเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจในประเทศไปพร้อมๆกัน