The Times of Israel รายงานในวันนี้ (7 พย.) ว่าเอลิซาเบ็ธ พิปโก้ โฆษกพรรคริพับลิกันของสหรัฐได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 12 ของอิสราเอลเมื่อวานนี้ (พุธที่ 6 พย.) หลังโดนัลด์ ทรัมป์คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งสหรัฐ เตรียมขึ้นแท่นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกา โดยพิปโก้ได้ตอบคำถามของพิธีกรเกี่ยวกับคำพูดในช่วงท้ายๆของทรัมป์ฺขณะขึ้นเวทีประกาศชัยชนะเมื่อคืนวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนที่บอกว่า “ ผมจะไม่ทำสงครามกับใคร แต่ผมจะเป็นผู้ยุติสงคราม” ซึ่งพิธีกรได้ถามถึงความหมายของคำพูดของทรัมป์ว่าต้องการให้อิสราเอลยุติสงครามกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนและกับฮามาสในกาซาหรือ
พิปโกได้ชี้แจงว่าทรัมป์ไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่ทรัมป์ต้องการให้อิสราเอลเร่งปิดจ๊อบการสู้รบในตะวันออกกลางโดยเร็ว ภายใต้ชัยชนะอย่างเด็ดขาดร้อยเปอร์เซนต์ และว่าเธอเชื่อว่าหากทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว เหตุสังหารหมู่ชาวยิวในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 คงไม่เกิดขึ้น และแม้จะเกิดขึ้นสงครามก็จะไม่ยืดเยื้อแบบนี้ พร้อมกับโทษรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่ามีส่วนทำให้สงครามตะวันออกกลางยืดเยื้อเพราะนโยบายที่กลับไปกลับมาไม่เด็ดขาด ทำให้เกิดการนองเลือดโดยไม่จำเป็น
โฆษกริพับลิกันกล่าวว่านโยบายของทรัมป์คือใครก็ตามที่ไม่ใช่ประชาชนผู้บริสุทธิ์จะต้องถูกปลิดชีพ ไม่ว่าจะเป็นสงครามกาซา, สงครามยูเครนหรือสงครามกับอิหร่าน เพื่อจะได้ยุติการสู้รบโดยเร็วที่สุดด้วยชัยชนะที่เด็ดขาด
อย่างไรก็ตามในส่วนของการสู้รบกับอิหร่าน พิปโก้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเมื่อถูกถามว่าทรัมป์จะไฟเขียวให้อิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านหรือไม่ แต่ตอบเพียงว่าต้องให้ทรัมป์ออกมาแถลงเองหลังรับตำแหน่งในเดือนมกราคม
เมื่อวานนี้ (พุธที่ 6 พย.) นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลเป็นผู้นำโลกคนแรกที่ต่อสายแสดงความยินดีกับทรัมป์ที่คว้าชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่และได้หวนคืนสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง ทั้งคู่ยังตกลงที่จะช่วยอิสราเอลทำสงครามกำจัดศัตรู รวมทั้งหารือเรื่องการรับมือกับอิหร่านในฐานะภัยคุกคามของอิสราเอลด้วย