“ทนายสายหยุด” แจง 3 ประเด็น ที่มาของเงินเจ๊อ้อย ยันมีหลักฐานเด็ดพิสูจน์ “ษิทรา” ไม่เข้าข่ายความผิดฉ้อโกง

"ทนายสายหยุด" แจง 3 ประเด็น ที่มาของเงินเจ๊อ้อย ยันมีหลักฐานเด็ดพิสูจน์ "ษิทรา" ไม่เข้าข่ายความผิดฉ้อโกง

Top news รายงาน วันนี้ ( 9 พ.ย.) นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม และภรรยา ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการต่อสู้คดีว่า เมื่อวานนี้ ( 8 พ.ย.) ที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้ม เพราะกลัวไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ซึ่งมองว่า ไม่ได้เพลี่ยงพล้ำหรือเสียหน้า เพราะยังไงก็รู้ดีอยู่แล้วว่า ถ้ายื่นประกันตัวทนายตั้ม คงไม่ได้อยู่แล้วจึงไม่ยื่นขอประกัน ส่วนภรรยามองว่า แค่รับโอนบ้านมา แต่มูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง ศาลท่านเห็นว่ายังไม่สมควรปล่อยชั่วคราว จึงต้องรับไปตามนั้น

ทนายสายหยุด ยังบอกถึงแนวทางการต่อสู้คดีด้วยว่า จะแบ่งเนื้อหาเป็น 3 เรื่อง แต่จะขออธิบาย 2 เรื่องก่อน คือ คดีเป็นข้อหาเดียวกันคือฉ้อโกง แต่เป็นความผิด 3กรรม เริ่มจากเรื่องส่วนต่างรถเบนซ์ 1.5 ล้านบาทซึ่ง ข้อเท็จจริงคือ เจ๊อ้อย ประสงค์อยากได้รถเบนซ์ รุ่น จี 400 ทนายตั้มจึงพยายามจัดหาให้ แต่เนื่องจากเป็นรถรุ่นที่ขาดตลาด จึงติดต่อไปยังเจ้าของโชว์รูมที่เคยซื้อรถอัลพาร์ดกันมาก่อน ซึ่งก็ได้คำตอบว่า ถ้ามัดจำเขาหารถได้ 7 วันไม่เกิน 15 วัน จากนั้นจึงส่งรูปและใบเสนอราคา และโบว์ชัวร์มา โดยทนายตั้มแจ้งว่า ถ้าเอารถเลย ต้องมัดจำก่อน 500,000 บาท พร้อมยืนยันว่า ได้รถแน่นอน เจ๊อ้อยจึงโอนเงินมัดจำจำนวนดังกล่าว โดยทางโชว์รูมได้ตกลงจะจ่ายค่านายหน้า จำนวน 1.5 ล้านกับทนายตั้ม ทางเจ๊อ้อยก็โอนเงินก้อนมา ซึ่งวันที่โอนค่ารถมา 13 ล้านกว่าๆ เป็นค่ารถ 11.4 ล้าน ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่ตนเองยังไม่ได้ดูรายละเอียด แล้วทนายตั้มก็ได้ส่วนต่าง 1.5 ล้าน ตามที่ตกลงไว้กับโชว์รูม จึงขอถามว่า ถ้าแบบนี้เรียกว่าผิด เต๊นท์รถมือสอง นายหน้าค้าบ้านจะต้องติดคุกกันอีกเยอะ

 

ทั้งนี้ ตนจึงมองว่า ทนายตั้ม ไม่จำเป็นต้องบอกว่าได้ค่าส่วนต่าง เพราะโชว์รูมให้เงินผู้ที่ติดต่อแนะนำ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่จะได้เยอะหรือน้อย ไม่ขอวิจารณ์ ซึ่งตามปกติ ถ้าผู้ซื้อต้องการอยากได้รถที่ขาดถ้าหาได้บางที แพงกว่าราคาจองเขาก็ยังซื้อกัน ซึ่งราคาตกลงในใบเสนอราคาแล้ว มองว่าเป็นเรื่องทางแพ่ง ถ้าแบบนี้ติดคุกกันหมดเแล้วนายหน้าจะอยู่ยังไงใครจะกล้าแนะนำคนไปซื้อรถกัน

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนประเด็นเรื่องเงิน 9 ล้าน ที่ตนเองได้พูดคุยรายละเอียดกับทนายตั้ม ข้อเท็จจริงคือ คือ เจ๊อ้อยมีที่อยู่ 7 ไร่ ต้องการทำโรงแรม มีงบ 160 ล้าน ในโครงการนี้ และมีการวาดแบบคร่าวๆกัน แต่สามีเป็นชาวต่างชาติ ทำอะไรต้องชัดเจน จึงให้ทนายตั้มดูแล ตั้งแต่วาดแบบ ทำสัญญาปลูกสร้าง คุมช่างก่อสร้าง ขอใบอนุญาตปลูกสร้าง จนไปขอใบอนุญาตเปิดโรงแรม ดูเรื่องความปลอดภัย ดูพื้นที่สีเขียว ซึ่งทนายตั้มดูแลทั้งหมด ระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี ซึ่งช่วงนั้นเจ๊อ้อยไม่ได้จ่ายค่าที่ปรึกษาเดือนละ 300,000 บาท แล้ว ถ้าเจ๊อ้อยอยู่ฝรั่งเศส ทนายตั้มต้องเดินทางเองหาที่พักเอง แต่ถ้าเจ๊อ้อยอยู่ ก็ดูแลที่กินที่พักให้ ซึ่งทนายตั้มบอกว่า 2 ปี คงไปเดือนละครั้ง จากนั้นจึงทำบิลเสนอเข้าไปว่า การดูแลค่าแบบ 9 ล้าน แยกเป็นแบบตัวโรงแรม 3.5 ล้าน ส่วนพื้นที่ภายนอก ห้องพักโรงแรม แบบบิวท์อินน์ ก็ยังไม่ได้เขียน ทำไปแค่แบบเดียว แต่ทางนั้นก็โทรมายกเลิกโครงการก่อน

ซึ่ง ทนายตั้มก็ไม่ได้ชี้แจงว่า เงิน 9 ล้าน จ่ายไป 3.5 ล้าน ทำอะไรไปบ้าง อย่างไร เหลือเงินเท่าไหร่ และถ้ายกเลิกสัญญาต้องคืนเงินหรือไม่ และพี่อ้อยได้ทวงถามหรือไม่ พอไม่ทวงปัญหาก็เลยเกิด เพราะทนายตั้มเองก็ไม่ได้สอบถามไปว่า ต้องการเงินคืนหรือเปล่า มองว่า “ธรรมชาติคงไม่มีใครถาม มีแต่คนเสียหายต้องทวง และมองว่า พี่อ้อยเสียหายเรื่องเงินชัดเจน แต่จะผิดอาญาหรือไม่ผิดอาญา ก็ต้องวิเคราะห์เอา

ส่วนประเด็น หลักฐานที่จะมาสนับสนุนคำกล่าวอ้าง ที่ว่า ไม่ได้รับโดยเสน่หา แต่เป็นการนำมาลงทุนคนเดียวนั้น ทนายสายหยุด อธิบายว่า ให้โดยเสน่หาคือ การให้โดยไม่เอาคืน ยอมรับว่า ทนายตั้มเอาเงินมาจากเจ๊อ้อยจริง แต่เหตุผลการขอเงิน คือการเอามาลงทุนทำแพลตฟอร์ม ทำธุรกิจเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัว แล้วพี่อ้อยเขาเอ็นดู เขาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายต้องคืนหรือไม่ผมไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์

 

 

ทนายสายหยุด ยังบอกว่า ตนได้ดู หลักฐานที่คุยกันเดือน ม.ค.ที่ฝรั่งเศส เกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งเมื่อเจ๊อ้อยทราบว่า ใช้เงินลงทุน 2 ล้านยูโร เห็นว่าเป็นเงินที่ไม่มาก จึงโทรกลับมาหาพี่น้อย ซึ่งเป็นเลขาส่วนตัว ที่ประเทศไทยว่า ให้ดำเนินการจัดทำเอกสาร เพื่อโอนเงินให้เงินทนายตั้ม 2 ล้านยูโร ซึ่งพี่น้อยก็แชทมาสอบถามว่า พี่อ้อยมีกี่หุ้น จะได้อะไรบ้างจากการลงทุนครั้งนี้ ซึ่งเป็นการถามในฐานะเลขา ซึ่งทนายตั้ม ตอบกลับไปว่า “ไม่ครับ ผมลงทุนคนเดียว อันนี้โครงการเล็กๆผมทำดูก่อน เดี๋ยวพี่อ้อยทำโครงการใหญ่ๆดีกว่า จะได้สมฐานะพี่อ้อย” ซึ่งชัดเจน เพราะวันที่พูดคุยคือวันที่ 29 ม.ค. ยืนยันว่า หลักฐานชิ้นนี้ จะนำไปแสดงต่อศาล ซึ่งต้องว่ากันด้วยพยานหลักฐาน

ทนายสายหยุดยังยืนยันว่า ทนายตั้มขอเงินมา แต่ไม่มีหลักฐานในการขอเงินที่ฝรั่งเศส ที่บ่งชี้ว่า เป็นการให้ เป็นการยืม หรือชักชวนร่วมลงทุน หรือหลอกลงทุน หรือให้เลย จึงกลายเป็นข้อถกเถียงและทะเลาะกันอยู่ขณะนี้

ในมุมมองของตน ถ้าเจ๊อ้อย จะลงทุนด้วยแล้ว ผ่านไป1เดือน ควรจะต้องมีทวงถามถึงการดำเนินการ ขั้นตอนต่างๆ แต่เคสนี้ผ่านไปเป็นปียังไม่มีการทวงถามใดๆ ดังนั้น สิทธิขาดอยู่ที่ทนายตั้มว่า จะทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งเมื่อพยานหลักฐานชี้ว่า ทนายตั้มทำคนเดียว จะเป็นการฉ้อโกงได้อย่างไร ส่วนจะเป็นการขอยืมแล้วต้องคืนหรือไม่ ไม่มีผลตอบแทนหรือให้ขาด100% ต้องวิเคราะห์กัน ดังนั้น จึงจะต่อสู้คดีว่า ไม่ได้ฉ้อโกงตามข้อเท็จจริงอย่างแน่นอน เพราะแนวทางพยานหลักฐานมาในแนวนี้

ส่วนข้อสงสัยที่ว่า เหตุใดต้องมีนิติกรรมสัญญานั้น คงต้องให้พนักงานสอบสวนเรียกผู้เชี่ยวชาญ ในการโอนเงินระหว่างประเทศ มาให้รายละเอียดข้อเท็จจริง ว่าการโอนเงินจากฝรั่งเศสมาประเทศไทยมีขั้นตอนอย่างไร มีค่าธรรมเนียมอย่างไร เพราะเงินได้มาจากการถูกลอตโต้ของฝรั่งเศส จึงต้องนำผู้เชี่ยวชาญมาสืบในประเด็นข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ส่วนในเรื่องของการทำแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็คงต้องดูที่เจตนาด้วย “หลักฐานยืนยันชัดเจนว่า ทนายตั้มรับเงินมาจากเจ๊อ้อย แต่ถ้าหากจะเป็นการหลอกลงทุนควรจะต้องมีรายละเอียดมากกว่านี้”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ศาลสั่งจำคุก 2 แนวร่วม 3 นิ้วคนละ 4 ปี คดีปาบึ้มใส่รถสายตรวจ ขณะชุมนุมทะลุแก๊สแยกดินแดงปี 64
“เดชา”แฉวงใน ใครมาแทน “สายหยุด” เห็นใจ “ตั้ม” โดนโซเชียลตัดสินไปแล้ว
ดีเอสไอ รวบ "สามารถ" ได้แล้ว ที่เชียงราย หลังถูกออกหมายจับคดีฟอกเงิน คุมตัวสอบสวนกทม.
“ทนายเดชา” เสียวไส้! สะกิดทนายคนใหม่ ระวังคุก-โดนยึดใบวิชาชีพ หากทำสิ่งนี้
"ทนายพัช" กลับลำ จ่อถอนตัวทำคดี-เตรียมฟ้องกลับ "แอม ไซยาไนด์"
ทำดีต้องชื่นชม ทหารเรือเข้าช่วยเหลือ ผู้ประสบอุบัติเหตุ
"อนุทิน" มอบรางวัลสำเภาทอง 22 ผู้ว่าฯ นำสมุดปกข่าวหอการค้าฯ สั่งการร่วมเอกชนพัฒนาศก.
ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลออกหมายจับเจ้าหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยโหดแล้ว ตามหมายจับเลขที่ 624/2567 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 หลังหนุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความ
ถนนมืดเก๋งมองไม่เห็น เสยท้าย จยย. หนุ่มพม่าเจ็บ
มอบตัวแล้ว "หนุ่มหัวร้อน" กระทืบ "ลุงขับแท็กซี่วัย 70 ปี" ปมขับปาดหน้า-ไม่เปิดไฟเลี้ยว พร้อมขอโทษลุงที่อารมณ์ร้อน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น