รัสเซีย ปัดข่าว ทรัมป์ ต่อสายคุย ปูติน
ทำเนียบเครมลินปฏิเสธรายงานในสื่อสหรัฐฯ ชี้เรื่องแต่งล้วนๆ ที่บอกว่า ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และเตือนรัสเซียอย่ายกระดับสงคราม
“วอชิงตัน โพสต์” สื่อแถวหน้าสหรัฐฯ เป็นสื่อแรกที่รายงานเรื่องนี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (10 พ.ย.) ว่า ทั้งสองสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน โดยทรัมป์บอกผู้นำรัสเซียว่าอย่ายกระดับสงคราม และย้ำเตือนถึงเรื่องที่สหรัฐอเมริกามีทหารมากมายอยู่ในยุโรป ขณะคาดหวังว่าจะได้สนทนากันเพิ่มเติมเกี่ยวกับทางออกสงครามยูเครนในเร็ว ๆ นี้
แต่ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าววานนี้ (11 พ.ย.)ว่า รายงานดังกล่าวไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง เป็นเรื่องแต่งขึ้นมาทั้งนั้น ยืนยันว่า ไม่มีการสนทนาระหว่างผู้นำทั้งสอง ข้อมูลที่ออกมา เป็นแค่ข่าวปลอม และว่า นี่คือตัวอย่างเห็นได้ชัดที่สุดของคุณภาพข้อมูลที่เผยแพร่ในปัจจุบัน ซึ่งบางครั้งเป็นสิ่งพิมพ์ที่มีชื่อเสียงพอสมควรด้วยซ้ำ
ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ บอกสำนักข่าว BBC ว่า ไม่ขอแสดงความเห็นเรื่องการสนทนาทางโทรศัพท์ส่วนตัว ระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลก แต่ก็แถมท้ายว่า ผู้นำประเทศต่าง ๆ กำลังเริ่มกระบวนการติดต่อว่าที่ประธานาธิบดี
ทรัมป์ สัญญาว่าจะยุติสงครามยืดเยื้อ 2 ปีครึ่งในยูเครนภายใน 24 ชั่วโมงหลังรับตำแหน่ง แต่ยังไม่ได้เผยแผนการว่าจะปิดฉากสงครามครั้งใหญ่สุดในยุโรป ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองด้วยหนทางใด
แต่ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้แห่งยูเครน ประกาศแล้วว่า จะไม่ยอมสละดินแดนให้รัสเซีย แต่หากไม่มีความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ยูเครนจะแพ้สงครามอย่างแน่นอน
โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ประธานาธิบดีปูติน ย้ำเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เปิดกว้างทุกการพูดคุย แต่ยังไม่มีการเตรียมการใด ๆ เวลานี้ เขายังไม่เห็นสัญญาณบวก สิ่งที่เห็นคือความกระวนกระวาย และความกลัวในยุโรปหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่วนกรณีมีข่าวว่า ผู้นำอังกฤษและฝรั่งเศส พยายามโน้มน้าวประธานาธิบดีโจ ไบเดนให้ไฟเขียวยูเครน ใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีลึกในรัสเซียนั้น เปสคอฟ กล่าวว่า ผู้นำยุโรปก็ยังคงพยายามเอาชนะรัสเซียอยู่ต่อไป ขณะที่รัสเซียก็จะเดินหน้าปฏิบัติการพิเศษ จนบรรลุเป้าหมายอย่างครบถ้วน ไม่ว่าอาวุธแบบไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนเกมในสนามรบได้ ที่ในเวลานี้ กองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบแคว้นโดเนตสก์ทางตะวันออกอย่างรวดเร็ว
ขณะที่มีความเห็นจากหลายฝ่ายที่ยังเชื่อว่า สหรัฐฯในยุคทรัมป์จะไม่ทอดทิ้งยูเครน อย่าง จอห์น ฮีลลีย์ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ ที่คาดการณ์ว่า สหรัฐฯจะยังอยู่เคียงข้างพันธมิตรอย่างอังกฤษ และยืนหยัดกับยูเครน ตราบใดที่ยังจำเป็นต้องเอาชนะสงครามรุกรานของปูติน ด้าน โจเซป บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าวขณะเยือนยูเครนว่า ใครที่บอกว่าสงครามนี้จะต้องยุติโดยเร็วที่สุดไม่ว่าจะด้วยหนทางใดก็ตาม ขอเตือนว่า หนทางที่จะได้มานั้น มีความสำคัญ
ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เจ้ค ซิลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะอธิบายกับทรัมป์ว่า การหันหลังให้กับยูเครนจะหมายถึงความไร้เสถียรภาพครั้งใหญ่ในยุโรป
ส่วน อันนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี เชื่อว่าปูตินอาจใช้ช่วงเปลี่ยนผ่านหลังเลือกตั้งสหรัฐฯ เดินหน้าสร้างความได้เปรียบเหนือยูเครน เยอรมนีและชาติอียูควรเพิ่มความช่วยเหลือยูเครน
#บก.ข่าวทีวี
