ว่าที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง เมื่อประกาศตัวเลือกในตำแหน่งต่าง ๆ ในคณะผู้บริหารของเขา โดยเฉพาะการเลือกผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ไร้ประสบการณ์ นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม , เสนอตั้งพันธมิตรที่พัวพันข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศและค้ามนุษย์ เป็นอัยการสูงสุด และล่าสุดเช้าวันนี้ตามเวลาบ้านเรา ทรัมป์เลือก รอเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ จูเนียร์ นักทฤษฎีสมคบคิดต่อต้านวัคซีนแถวหน้าในสหรัฐฯ เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ ที่จะต้องมากำกับนโยบายทำแท้ง สิทธิประโยชน์ของชาวหลากหลายทางเพศ และประเด็นร้อนหลายเรื่อง
คนในแวดวงวอชิงตัน จับตามองอย่างกังวลต่อไปว่า ทรัมป์จะเสนอชื่อใครอีกในตำแหน่งที่ยังเหลืออยู่
อย่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ที่จะมากำกับดูแลนโยบายภาษีและการค้า รวมถึงกระทรวงศึกษา ที่ทรัมป์บอกว่าอยากจะยกเลิก
การประกาศเลือกทีมบริหารอย่างรวดเร็ว ก่อนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ก่อให้เกิดความกังวลอย่างกว้างขวาง เพราะดูเหมือนว่า ทรัมป์ 2.0 ให้ความสำคัญกับความภักดีส่วนตัว มากกว่าความเชี่ยวชาญ หรือความเหมาะสม แม้ในงานที่มองกันว่าอ่อนไหวและซับซ้อนที่สุด เป็นการส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงอย่า
งถอนรากถอนโคน เกี่ยวกับแนวทางของรัฐบาล และบทบาทของสหรัฐอเมริกาในเวทีโลกใน 4 ปีข้างหน้า
แต่ทรัมป์ วัย 78 ปี เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้าเลือกตั้งแล้วว่า ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในการบริหาประเทศสมัยแรก ก็คือ การจ้าง “คนที่ไม่ภักดี” มาร่วมงาน
ทรัมป์ เลือก พีท เฮกเซธ พิธีกรช่องฟ็อกซ์ นิวส์ ที่เชียร์ทรัมป์มาตลอด เป็นรัฐมนตรีกลาโหมที่จะต้องคุมกองทัพใหญ่ที่สุดในโลก
เฮกเซธ วัย 44 เป็นทหารผ่านศึกผ่านสมรภูมิ แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง หรือผ่านการบริหารองค์กรขนาดใหญ่มาก่อน
แทมมี ดักเวิร์ธ ส.ว. เดโมแครตจากอิลลินอยส์ หนึ่งในคณะกรรมาธิการการกลาโหม กล่าวว่า รัฐมนตรีกลาโหมเป็นงานที่จริงจัง การแต่งตั้งผู้ที่ไร้คุณสมบัติอย่างเฮกเซธ เป็นอันตรายสำหรับอเมริกา
แต่ช็อกที่สุด ก็คือการเสนอชื่อ แมตต์ เกตซ์ นักการเมืองขวาจัด เป็นอัยการสูงสุด ทั้งที่อดีตทนายความ วัย 42 ผู้นี้ ไม่เคยทำงานในกระทรวงยุติธรรม หรือเป็นอัยการมาก่อน แถมยังเคยถูกสอบสวนข้อหาค้ามนุษย์เพื่อการค้าประเวณี เกตซ์ปฏิเสธทำความผิด และไม่เคยถูกแจ้งข้อหา แต่เวลานี้ เขายังถูกสอบสวนอยู่ในคณะกรรมาธิการจริยธรรม
จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก บอก NBC ถึงกับออกปากว่า การเลือกเกตซ์ คือการเสนอชื่อผู้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา
ทรัมป์ ยังตัดสินใจเลือก ทัลซี แกบบาร์ด อดีตเดโมแครตที่หันมาเชียร์ทรัมป์ เป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ แกบบาร์ด ที่จะเข้ามารับผิดชอบคุมความลับอ่อนไหวที่สุดของสหรัฐอเมริกา เคยไปพบกับประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาด แห่งซีเรีย และพูดต่อต้านการเข้าแทรกแซงสงครามกลางเมืองซีเรีย ในสมัยบารัก โอบามา ทั้งยังพูดเป็นนัยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย มีเหตุผลชอบธรรมในการบุกยูเครน
แกบบาร์ด เคยถูกส่งไปประจำการที่อิรัก ช่วงปี 2547-2548 ติดยศพันตรีในกองกำลังป้องกันประเทศฮาวาย หรือแนชันแนล การ์ด ปัจจุบัน มียศพันโทในกองหนุนกองทัพบกสหรัฐ เธอมีประสบการณ์ตรงด้านงานข่าวกรองเพียงเล็กน้อย และไม่มีใครคาดว่าเธอจะเป็นตัวเลือกมาทำหน้าที่กำกับดูแลหน่วยงานข่าวกรอง 18 แห่ง
There are 25+ US-funded biolabs in Ukraine which if breached would release & spread deadly pathogens to US/world. We must take action now to prevent disaster. US/Russia/Ukraine/NATO/UN/EU must implement a ceasefire now around these labs until they’re secured & pathogens destroyed pic.twitter.com/dhDTH5smIG
— Tulsi Gabbard 🌺 (@TulsiGabbard) March 13, 2022
มิตต์ รอมนีย์ สมาชิกรุ่นใหญ่ของพรรครีพับลิกัน กล่าวหาแกบบาร์ด ว่า ลอกเลียนโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียมาเต็ม ๆ หลังจากออกมากล่าวหาแบบไม่มีมูลว่า สหรัฐฯช่วยยูเครนพัฒนาอาวุธชีวภาพ
บิลล์ คริสทอล อดีตทีมงานทำเนียบขาวของพรรครีพับลิกัน ที่เขียนบทความให้กับเวบไซต์แนวกลาง-ขวา กล่าวว่า แกบบาร์ด คือนักปกป้องอัสซาด และปูตินแถวหน้า เป็นสัญลักษณ์ของความเสื่อมทางศีลธรรม ส่วน เฮกเซธ คือ คนที่อ่อนแอที่สุด
ทรัมป์และทีมที่ปรึกษา ให้คำมั่นว่า ในวาระที่สองของการหวนคืนทำเนียบขาว จะเป็นเรื่องการกวาดล้างบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง ที่เคยขัดขวางวาระงานทางการเมืองแนวขวาและประชานิยมของเขาตอนดำรงตำแหน่งสมัยแรก
การชนะเลือกตั้ง มีแนวโน้มช่วยปลดปล่อยทรัมป์จากการถูกสอบสวนคดีอาญาร้ายแรงหลายคดี การแต่งตั้งเกตซ์ ยังจะช่วยให้ทรัมป์สร้างความได้เปรียบเหนือฝ่ายตรงข้ามในกระทรวงยุติธรรม และทรัมป์ก็ได้ขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า จะไล่ล่าฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหลายราย
ตำแหน่งรัฐมนตรี และหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองจะต้องผ่านการรับรองจากวุฒิสภา คาดกันว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะพรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมาก แต่เป็นที่คาดว่าเกตซ์ เฮกเซธ หรือล่าสุด รอเบิร์ต เคนเนดี้ จูเนียร์ อาจจะต้องถูกซักหนักก่อนผ่านการรับรอง และอาจเป็นเวทีทดสอบความภักดีหรือความกล้าที่จะงัดกับอิทธิพลของทรัมป์ในพรรครีพับลิกันด้วย
โดยปกติ คณะกรรมาธิการวุฒิสภาฯจะเปิดประชุมเพื่อพิจารณาการเสนอชื่อ ทันทีที่สภาคองเกรสเปิดสมัยประชุมในเดือนมกราคม แต่การลงมติเพื่อรับรองผู้ดำรงตำแหน่งโดยที่ประชุมวุฒิสภาเต็มคณะ จะต้องรอหลังทรัมป์สาบานตนรับตำแหน่งในเดือนมกราคม 2563