ลือสนั่น “ตั้ม” ถือไพ่บอดแต้ม ยอมหมอบแล้ว ให้ “ปาเกียว” ขอเจรจาเจ๊อ้อย

ลือสนั่น “ตั้ม”ถือไพ่บอดแต้ม ยอมหมอบแล้ว ให้ “ปาเกียว” ขอเจรจาเจ๊อ้อย

Top news รายงาน ดูท่าจะไปต่อลำบากซะแล้ว หลังมีข้อมูลใหม่มาขยี้แผล “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด คู่กรณีเจ๊อ้อย ทั้งเรื่องแก้ไขพินัยกรรม ตั้งตัวเป็นผู้จัดการมรดก แถมยังถูกเปิดโปงด้วยว่า แอบติด GPS รถเบนซ์ของเจ๊อ้อย มิหนำซ้ำ ยังชวนเจ๊อ้อย ไปในที่ที่ไม่มีสัญญาณ GPS อีกด้วย แต่เจ๊อ้อยไหวตัวทัน รอดมาได้อย่างหวุดหวิด

 

สอดรับกับข่าวลือสนั่นในโลกออนไลน์ ว่าทนายตั้มท่าทางจะตกที่นั่งลำบากซะแล้ว โดย เพจบิ๊กเกรียน โพสต์ข้อความว่า “มีข่าวแว่วมา ตั้ม ถือไพ่บอดแต้ม ถึงทางตัน ยอมหมอบ ให้ทนายไปขอเจรจากับทนายพี่อ้อย”

แล้วสรุปข้อเท็จจริงมันเป็นยังไงกันแน่ ล่าสุด ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของ ทนายตั้ม เดินทางเข้าเยี่ยมลูกความเป็นครั้งแรก ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ก่อนเผยต่อทีมข่าวว่า วันนี้ได้เข้าเยี่ยมทนายตั้มอย่างใกล้ชิด โดยมีการโทรศัพท์โทรพูดคุยกันผ่านห้องกระจก แต่แทบไม่ได้มองหน้าสบตากัน เนื่องจากทนายตั้ม ได้ให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์และตัวเองต้องเร่งบันทึกข้อมูลเหล่านั้น เท่าที่คุย ทนายตั้มสามารถปรับตัวได้ ไม่มีความกังวลหรือเครียด ไม่ร้องขออะไรเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องภรรยา จะฝากญาติที่เข้าไปเยี่ยมทุกวันโดยตรง ส่วนตัวไม่ทราบว่า “แอม ไซยาไนด์” เป็นพี่เลี้ยงให้ภรรยาทนายตั้มด้วยหรือไม่ และขณะนี้ ยังไม่มีการพูดคุย เรื่องการประกันตัว เนื่องจากเคยยื่นไปแล้ว แต่ศาลไม่อนุญาต จึงต้องรอพนักงานสอบสวนส่งฝากขังผัดที่ 2 ว่า จะให้เหตุผลอย่างไร และจะยังคัดค้านการประกันตัวอยู่หรือไม่

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

สำหรับคดี 39 ล้านบาทนั้น จะยังสู้ต่อไหวหรือไม่ ทนายสายหยุด เผยว่า ส่วนตัวดูจากสำนวนคดีเป็นหลัก ไม่ได้ฟังจากสื่อ และเรื่องเล่าปากต่อปาก ส่วนที่ อาจารย์ปานเทพ ออกมาเปิดเผยว่า คดี 39 ล้านบาทเป็นสารตั้งต้น ที่ทำให้ทนายตั้มถูกดำเนินคดีนั้น เรื่องนี้ตัวเองไม่ขอก้าวล่วง เพราะเป็นเรื่องวาทกรรมในการข่าว และส่วนตัวจะดำเนินการไปตามสำนวน และแนวทางคดี

ในส่วนข้อมูล ที่ได้รับรู้จากการเผยแพร่จากสื่อมวลชน กับข้อมูลที่ได้รับจากทนายตั้ม มองว่า ทนายตั้มเพลี่ยงพล้ำ ในเรื่องการต่อสู้คดีหรือไม่ ในทางคดี นุกับสาริณี ยังไม่ซัดทอด ถึงทนายตั้ม แม้ว่าทั้ง 2 คน จะถูกดำเนินคดี รวมทั้งตำรวจได้ประกาศว่า จะดำเนินคดีกับทนายตั้มก็ตาม ฉะนั้น ตัวเองต้องไปขอข้อมูลจากทนายตั้ม เพื่อมาศึกษาว่าได้กระทำผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ หากผิดจริง ก็จะแนะนำให้รับสารภาพ เพราะตัวเองยืนยันว่า จะไม่รับทำคดีแน่นอน หากทำแล้วแพ้ ส่วนนุกับสาริณีนั้น เป็นผู้กระทำ เป็นคนที่ใกล้ชิดกับพฤติการณ์ และเป็นตัวรับเงิน ก็จะต้องถูกดำเนินคดีอยู่แล้วเป็นธรรมดา

 

ส่วนพยานหลักฐานที่มีความชัดเจน ถึงเรื่องการขนย้ายเงิน 39 ล้านบาท ด้วยการใส่กระเป๋า ทนายสายหยุด บอกว่า ตัวเองเพิ่งเห็นตามภาพสื่อเช่นกัน ส่วนรายละเอียดทางคดี ไม่ขอออกความคิดเห็น ต้องขอดูเอกสารหรือข้อเท็จจริงที่พนักงานสอบสวน จะแจ้งข้อหาก่อน เบื้องต้น เท่าที่ได้รับข้อมูลคดี 39 ล้าน จากทนายตั้ม พบว่า มีพยานหลักฐานที่จะสามารถต่อสู้คดีได้ โดยทนายตั้ม ได้มีการเตรียมพยานหลักฐานดังกล่าวไว้แล้ว ส่วนเจ้าตัวจะหลอก หรือสับขายังไง ก็เป็นเรื่องของทนายตั้ม ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว พยานหลักฐานจะเหลือร่องรอยมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง

ทนายสายหยุด ยังบอกด้วยว่า สำหรับคดี 71 ล้าน ขณะนี้ได้มีการพูดคุยทนายของเจ๊อ้อย ในเรื่องของการไกล่เกลี่ยเพื่อจะเยียวยา ซึ่งเมื่อไปถึงชั้นศาล และคดีเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ศาลก็จะให้ไกล่เกลี่ยกันอยู่แล้ว และเจตนาส่วนตัว ก็คือ เมื่อเป็นหนี้แล้ว เค้าทวง เราก็ต้องใช้ แต่หากว่าในอนาคตทนายตั้มไม่คืน ตนก็จะใช้เป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจ เกี่ยวกับการทำงานหลังจากนี้ พร้อมย้ำว่า “หากเป็นหนี้แล้ว ทนายตั้มไม่ใช้นั้น จะสามารถเป็นเหตุผลในการตัดสินใจว่า จะว่าความต่อหรือไม่”

 

สำหรับประเด็นที่ อาจารย์ปานเทพ ออกมาเปิดเผยว่า ทนายตั้มได้ทำพินัยกรรม ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกของเจ๊อ้อย ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ในกรณีนี้ แต่ยอมรับว่า มีการพูดคุยสอบถามในประเด็นนี้ กับทนายตั้มจริง ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ได้มีการทำลายไปแล้ว และการยกเลิกก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ๊อ้อยและทนายตั้ม ตนไม่ทราบ ส่วนเรื่องที่มีการอ้างว่า ทนายตั้มติด GPS ในรถของเจ๊อ้อย ทนายตั้มปฏิเสธว่า ไม่ได้ติด

เอาล่ะสิคะ ทนายตั้มอ้างว่าไม่ได้ติด GPS รถเบนซ์ของเจ๊อ้อย ซึ่งในประเด็นนี้เองสำคัญมาก และแน่นอนว่าตำรวจไม่ปล่อยผ่าน โดย พลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ข้อมูลที่พนักงานสอบสวนได้รับจาก อ.ปานเทพ ค่อนข้างเป็นประโยชน์กับรูปคดีอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของการติด GPS ในรถของเจ๊อ้อย และเรื่องขบวนการวางแผนตั้งนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งขณะนี้ชุดคลี่คลายคดีกองปราบปราม กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง และเตรียมประสานติดต่อไปยังเจ๊อ้อย มาเข้าพบ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับ 2 เรื่องนี้ ใครพูดจริง ใครโกหก อีกไม่นานได้รู้กันแน่นอน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดรายละเอียด ศาลสั่งประหาร “แอม ไซยาไนด์” เจ้าตัวแสดงท่าทีไม่สลด ขณะฟังคำพิพากษา “แม่น้องก้อย” ปล่อยโฮ ลูกไม่ตายฟรี
ชาวบ้านผวา ไม่กล้าออกไปเกี่ยวข้าว-กรีดยาง หลังพบเสือ 3 แม่ลูก โผล่ใกล้นาข้าว
"พ่อค้าโคราช" ลุ้นรับ "เงินหมื่น" เฟส 2 เตรียมต่อยอดลงทุนทำขนมขาย
ฝ่ายปกครองร่วมประชุมหารือเฝ้าระวัง ปัญหาเรื่องยาเสพติด การลักลอบตัดไม้ ช้างป่าและแรงงานต่างด้าวในพื้นที่
ผอ.ท็อปนิวส์ ภาคกลาง คว้ารางวัลผู้บริหารองค์กรดีเด่น งานดาวดารามูเตลู อวอร์ด ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567
ศาลอาญาพิพากษา ประหารชีวิต 'แอม ไซยาไนด์' 
กลุ่มบริษัทยูนิไทย ร่วมกับ ซียูอีแอล จัดกิจกรรมวิ่งการกุศล “UNITHAI-CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง” มอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา
เปิดการแข่งขันสัปดาห์กีฬานาวี ประจำปี 2567 สร้างนักกีฬาระดับชาติ และชื่อเสียงให้กองทัพเรือและประเทศชาติ
"พรรคส้ม" หงายเงิบ ศาลอาญายกฟ้อง เอาผิด"ณฐพร"หมิ่น เรียกเงิน 24 ล้าน
หนุ่มใหญ่ รปภ.ขี่ จยย. ย้อนศร ชน จยย. หวิดโดนทับซ้ำ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น