เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหดครองเมืองหนุ่มเจ้าของบริษัทรับเหมาฯโร่ร้องขอความช่วยเหลือสื่อ ฯเป็นที่พึ่งสุดท้าย-หลังหลังดอกเบี้ยโหดพุ่งเดือนละเกือบ 1 ล้านจนแฟนสาวหวาดกลัวและสุดทนไหวหอบผ้าหนีหายหนุ่มไลฟ์สดหวังกล้าตัวตายโชคดีได้พยาบาลสาวเตือนสติรอดพ้นความตายหวุดหวิด

(20 พ.ย.) นายภูมิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี เจ้าของผู้และจัดการบริษัทรับเหมา เดินระบบไฟฟ้าภายในอาคาร แห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เดินทางเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าก่อนหน้านี้บริษัทของตนมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องด้านการเงิน เนื่องจากถูกลูกค้ารายหนึ่งโกงไปหลายหมื่นบาท จนต้องไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบมาเสริมสภาพคล่อง โดยยอมจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 10 /วัน ขึ้นในตอนแรกคิดว่าเงินต้น 40,000-50,000 บาทและยืมไม่กี่วันก็จะสามารถจ่ายหนี้คืนได้ทั้งหมด แต่ปรากฏว่าไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ จึงต้องกู้เงินจากเจ้าหนี้คนเดิมเพิ่มเพื่อหักยอดดอกเบี้ย ทำให้ยอดเงินต้นค่อย ๆ เพิ่มเป็น 220,000 บาท ซึ่งต้องใช้ดอกเบี้ยวันละ 22,000 บาท โดยทุกวันจะต้องจ่ายดอกเบี้ยก่อน 14.00 น หากเลย 14.00 น.ก็จะคิดดอกเบี้ยเพิ่ม วันละ 100 บาท บางวันต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 25,000 บาทรวมระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือนตนจ่ายดอกเบี้ยไปแล้วทั้งสิ้น 854,500 บาท ในขณะที่เงินต้นยังเท่าเดิม 220,000 บาท ซึ่งตนต้องนำอาวุธปืนและทรัพย์สินอื่น ๆ ไปจำนำกับเจ้าหนี้เพื่อให้หักเป็นดอกเบี้ย

นอกจากนี้เจ้าหนี้ยังกดดันทวงหนี้หลายรูปแบบ และส่งคนมาตามทวงหนี้ถึงบ้านโดยปักหลักรออยู่บริเวณบนถนนหน้าบ้านอย่างต่อเนื่องจนตนไม่สามารถออกจากบ้านไปไหนได้ จนแฟนสาวของตนไม่กล้าที่จะอาศัยอยู่กับตนและเก็บข้าวของทิ้งตนออกจากบ้านไปทำให้ตนเสียใจน้อยใจและรู้สึกเครียดอย่างหนัก จนคิดฆ่าตัวตายภายในบ้านหลายครั้ง แต่ตนยังโชคดีพราะในขณะที่ตนเขียนจดหมายลาตายในเฟซบุ๊คและทำการไลฟ์สดก่อนฆ่าตัวตาย ได้มีหญิงสาวเป็นนางพยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่งได้เห็นตนไลฟ์สดก่อนห่าตัวตาย นางพยาบาลคนดังกล่าวได้ติดต่อพูดคุยแนะนำเตือนสติพร้อมให้กำลังใจตนให้สู้ชีวิต โดยบอกว่าให้พึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและกฎหมายและหากตำรวจและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ก็ให้ร้องเรียนขอความช่วยเหลือสื่อมวลชนอย่าคิดอย่าคิดสั้นฆ่าตัวตาย ทำให้ตนมีสติยั่งคิดและเลิกล้มการคิดฆ่าตัวตาย ก่อนเดินทางไปร้องขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ดำรงธรรมศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่แทนที่ตนจะได้รับการช่วย เหลือกลับทำให้ตนมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่มากกว่าเดิมหลายเท่าจากคำพูดของเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม ฯ
ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปยัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้ตำรวจช่วยแก้ปัญหาโดยมีพนักงานสอบสวนยศ “พันตำรวจโท” นายหนึ่งรับฟังเรื่องราวปัญหาของตน และให้ตนติดต่อกับเจ้าหนี้เพื่อพนักงานสอบสวนจะเชิญมาเจรจาไกล่เกลี่ยกันที่โรงพัก ซึ่งตนได้โทรและวีดีโอคอลกับเจ้าหนี้ ในขณะที่เจ้าหนี้ไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านและยังท้าทายไอ้ตนรีบแจ้งความดำเนินคดีกับเขาได้เลย โดยให้บอกด้วยว่าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน คนไหน ยศอะไร แจ้งชื่อและขอดูหน้าหน่อยเขาจะได้ประสานงานติดต่อจัดการได้ถูกต้อง ๆ ซึ่งดูแล้วเจ้าหนี้เขามีพฤติกรรมสุดกร่างก้าวร้าวไม่เกรงกลัวกฏหมาย ไม่ให้เกียรติพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้แต่น้อย ซึ่งในขณะนั้นนอกจากพนักงานสอบสวนยศ “พันตำรวจโท”นายดังกล่าวแล้วยังมีพนักงานสอบสวนและตำรวจอีกหลายรับรู้และได้ยินเสียงพูดของเจ้าหนี้อย่างชัดเจนอีกด้วย อย่างไรก็ตามในวันดังกล่าว ตนยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหนี้แต่อย่างใดเนื่องจากพนักงานสอบสวนเรียนนายดังกล่าวติดภารกิจเร่งด่วนต้องเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุนอกโรงพัก จึงนัดให้ตนไปพบเพื่อเชิญเจ้าหนี้มาเจรจาไกล่เกลี่ยหรือจะแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายในวันต่อไป

นายภูมิ กล่าวอีกว่า ก่อนนี้ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาตนไม่สามารถหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยได้ จึงถูกเจ้าหนี้โพสต์ด่าอประจานตนในโลกโซเชี่ยลอย่างเสียหายรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านธุรกิจของตนเป็นอย่างมาก และได้ส่งคนมาเฝ้าอยู่บริเวณหน้าบ้านของตนต่อเนื่อง โดยตนได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จนเวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจึงเดินทางมาตรวจสอบพบกับชายฉกรรจ์และสาวเจ้าหนี้เงินกู้ 2-3 คนที่บริเวณหน้าบ้านของตน แต่ไม่ได้ดำเนินการตรวจค้นหรือจับกุมใด ๆ เพียงแต่ขอให้ตนและเจ้าหนี้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกันที่โรงพัก ก่อนที่ตำรวจและกลุ่มเจ้าหนี้เงินกู้จะแยกย้ายกลับไป โดยกล้องวงจรปิด จับภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้อย่างชัดเจน
สำหรับเจ้าหนี้คนดังกล่าวเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 30 ปีเป็นลูกตำรวจหรืออดีตตำรวจโรงพักแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช และมีญาติ สนิทเป็น อดีตมือปืนลำดับต้น ๆของเมืองไทย โดยตนขอยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะโกงไม่จ่ายหนี้ จนถึงวันนี้ขณะนี้ยังตั้งใจและพยายามทุกวิถีทางในการทำงานจ่ายหนี้และดอกเบี้ย แต่เมื่อถูกเจ้าหนี้กดดันข่มขู่ และโพสต์ประจานทางโซเชี่ยลอย่างต่อเนื่องแบบนี้ ตนจึงตัดสินใจร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนและขอเปิดหน้าสู้จนถึงที่สุด เพราะถึงวันนี้ตนไม่มีอะไรจะสูญเสียอีกแล้วมันหมดทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว หากในที่สุดตนพึ่งศูนย์ดำรงธรรม พึ่งตำรวจ พึ่งเจ้าหน้าที่รัฐและหวังว่าสื่อมวลชนจะเป็นที่พึ่งสุดท้าย และหากยังช่วยเหลืออะไรไม่ได้หลังจากนั้นอะไรจะเกิดขึ้นก็ให้มันเกิด ตนพร้อมรับกับสถานการณ์ทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นายภูมิ กล่าวในที่สุด

ไพฑูรย์ อินทศิลา /นครศรีธรรมราช
20 พ.ย.2567

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“ผบ.ทร.” ยันไม่กดดัน “บิ๊กอ้วน” ปมเรือดำน้ำ เตรียม 2 แผนชง ครม.
สวธ. มอบรางวัลบอร์ดเกมเล่าเรื่องราว กทม. ยกเป็น Soft Power ส่งเสริมศก.สร้างสรรค์
คลังรุก “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” ตั้งเป้าปี 68 มอบสัญญาเช่าเฉียด 4 พันราย
กองเรือยุทธการ นำหน่วยขึ้นตรงร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 49 รูป ครบรอบ 118 ปี วันกองทัพเรือ
“ตั้ม” ลั่น ไม่ได้ติด GPS “รถเจ๊อ้อย” เพจดังสวนยับ “เมีย” ล็อคอิน-เช็คตำแหน่งให้
เปิดรายละเอียด ศาลสั่งประหาร “แอม ไซยาไนด์” เจ้าตัวแสดงท่าทีไม่สลด ขณะฟังคำพิพากษา “แม่น้องก้อย” ปล่อยโฮ ลูกไม่ตายฟรี
ชาวบ้านผวา ไม่กล้าออกไปเกี่ยวข้าว-กรีดยาง หลังพบเสือ 3 แม่ลูก โผล่ใกล้นาข้าว
"พ่อค้าโคราช" ลุ้นรับ "เงินหมื่น" เฟส 2 เตรียมต่อยอดลงทุนทำขนมขาย
ฝ่ายปกครองร่วมประชุมหารือเฝ้าระวัง ปัญหาเรื่องยาเสพติด การลักลอบตัดไม้ ช้างป่าและแรงงานต่างด้าวในพื้นที่
ผอ.ท็อปนิวส์ ภาคกลาง คว้ารางวัลผู้บริหารองค์กรดีเด่น งานดาวดารามูเตลู อวอร์ด ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น