ข้อมูลล่าสุดจากสถาบันศึกษาสงคราม ซึ่งวิเคราะห์จากคลิปที่ผ่านการตรวจสอบแล้วบนสื่อสังคมออนไลน์ และรายงานการเคลื่อนไหวทางทหาร สรุปว่า รัสเซียยึดดินแดนยูเครนในปี 2567 ได้ประมาณ 2 พัน 700 ตารางกิโลเมตร มากกว่าที่ทำได้ในปีที่แล้ว 6 เท่า โดยตลอดปี 2566 รัสเซียยึดได้เพียง 465 ตารางกิโลเมตร และเวลานี้ ก็กำลังรุกคืบเข้าสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออก
บีบีซี อ้างความเห็น ดร.มารีนา ไมรอน นักวิจัยด้านการทหาร คิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ว่า มีความเป็นไปได้ที่แนวรบด้านตะวันออกอาจล่มสลาย หากรัสเซียยังสามารถรุกคืบในอัตราปัจจุบัน พื้นที่ที่ยึดได้กว่า 1 พันตารางกิโลเมตร ระหว่าง 21 กันยายน-3 พฤศจิกายน บ่งว่า การรุกยึดดินแดนในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยสองพื้นที่ที่กำลังต้านการรุกหนัก คือ เมือง คูเปียนสค์ ในแคว้นคาร์คิฟ และ คูราคอฟ ที่จะก้าวย่างสำคัญสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์อย่างเมือง โปครอฟสค์ ในแคว้นโดเนตสค์
ยูเครนเคยปลดปล่อย คูเปียนสค์ และพื้นที่ทางตะวันออกของแม่น้ำออสคิล ในปฏิบัติการรุกโจมตีในปี 2565 แต่รัสเซียยึดคืนพื้นที่ทางตะวันออกของแม่น้ำ ออสคิลกลับมาได้แล้ว กระทรวงกลาโหมอังกฤษ ระบุว่า ข่าวกรองที่ได้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ชี้ว่า ทหารรัสเซียกำลังพยายามทะลวงฝ่าแนวต้านชานเมืองคูเปียนสค์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
คลิปที่เผยแพร่เมื่อ 13 พฤศจิกายน แสดงภาพขบวนยานเกราะรัสเซียกำลังถุูกสกัด หลังจากรุกเข้าไปในรัศมี 4 กิโลเมตรจากสะพานสำคัญในคูเปียนสค์ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักเข้าไปในเมือง คลิปอาจไม่ได้หมายถึงรัสเซียคุมพื้นที่แล้ว แต่บ่งว่า แนวรับของยูเครนต้องขยายออกไปอย่างมาก
อีกด้านหนึ่ง นับจากยึดเมืองวูห์เลดาร์ ซึ่งเป็นพื้นที่สูงเหนือเส้นทางการขนส่งสำคัญเมื่อเดือนตุลาคม รัสเซียก็ได้ทุ่มทรัพยากรไปที่เมืองคูราคอฟ กองทัพยูเครนต้านทานได้ทางใต้กับตะวันออก แต่แนวรบยังคงขยับเข้าไปเรื่อย ๆ และรัสเซียจ่อโอบล้อมทหารยูเครนทางเหนือกับตะวันตก พันเอก เยฟเกนี ซาซิสโก อดีตหัวหน้าฝ่ายสื่อสารเชิงกลยุทธ์ ของเสนาธิการทหารยูเครน กล่าวว่า รัสเซียวาง “ขากรรไกรทรงพลัง” ขนาบเมืองไว้ และกำลังขบเคี้ยวแนวต้านอย่างช้า ๆ จนกระทั่งพังทลาย
สถาบันศึกษาสงคราม สรุปว่า ปัจจุบัน รัสเซียคุมพื้นที่ในยูเครนไว้ได้ทั้งหมด 1 แสน 1 หมื่น 649 ตารางกิโลเมตร ขณะที่ยูเครน ซึ่งเคยยึดดินแดนรัสเซียได้ 1 พัน 171 กิโลเมตร จากการบุกแคว้นคูสต์ในเดือนแรก เวลานี้ ถูกรัสเซียยึดกลับคืนได้แล้วเกือบครึ่ง
กระนั้น ความคืบหน้าการยึดดินแดน ก็เกิดขึ้นบนความสูญเสียมหาศาล ผลวิเคราะห์ของบีบีซี รัสเซีย ยืนยันว่า นับจากบุกยูเครนในเดือนมกราคม 2565 รัสเซียสูญเสียทหารอย่างน้อย 7 หมื่น 8 พัน 329 คน โดยความสูญเสียช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนปีนี้ เพิ่มขึ้น 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566
ส่วนการที่ยูเครนส่งทหารบุกแคว้นคูสค์ของรัสเซียเมื่อเดือนสิงหาคม ไม่ทราบแน่ชัดว่าเหตุใดรัสเซียจึงใช้เวลานานกว่าจะเปิดปฏิบัติการตอบโต้ คาดกันว่า รัสเซียปล่อยทหารยูเครนไว้ในคูสค์เป็นเพราะกำลังได้เปรียบในแนวรบอื่น แต่เวลานี้ มีเจตนาชัดเจนว่าจะทวงแผ่นดินคืน จึงส่งทหารเข้าไปในภูมิภาคนี้แล้วราว 5 หมื่นคน หลายคลิปแสดงให้เห็นการสู้รบดุเดือดในคูสค์
แม้ฝ่ายรัสเซียสูญเสียไม่น้อยทั้งในแง่อาวุธและกำลังพล แต่ข้อมูลมีความชัดเจนว่า พื้นที่ที่ยูเครนควบคุมลดน้อยถอยลง สถาบันศึกษาสงคราม ประเมินว่านับจากต้นตุลาคม รัสเซียยึดคืนพื้นที่ในแคว้นชายแดนแห่งนี้แล้ว 593 ตารางกิโลเมตร
ดร.ไมรอน นักวิจัยด้านการทหาร คิงส์ คอลเลจ กล่าวว่า การบุกคูสค์ เป็นความฉลาดในแง่กลยุทธ์ ในช่วงที่ขวัญกำลังใจทหารตกต่ำ แต่ก็เป็นหายนะทางยุทธศาสตร์ด้วยสำหรับยูเครน แทนที่จะได้แต้มต่อทางการเมืองในการเจรจาที่อาจจะเกิดขึ้น และดึงทหารรัสเซียจากดอนบาสเพื่อมาช่วยปลดปล่อยคูสค์ แต่ก็เห็นแล้วว่า ทหารยูเครนกลับต้องผูกติดอยู่ที่นั่น ส่วนทหารที่รัสเซียดึงไปเสริมในคูสค์ ก็ไม่ได้มาจากทางตะวันอออก แต่โยกมาจากแนวรบที่ไม่ได้ดุเดือดมากนัก เช่น เคอร์ซอน และ ซาปอริชเชีย
ทั้งนี้ ความสำคัญของดินแดนสำหรับทั้งสองฝ่าย คือความแข็งแกร่งของสถานะตัวเองเมื่อเข้าสู่การเจรจา แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีแผนการใด ๆ ก็ตาม แต่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศไว้แล้วว่าต้องการยุติสงครามภายใน 24 ชั่วโมง การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ไฟเขียวให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกล ก็น่าจะเป็นความพยายามส่วนหนึ่งเพื่อช่วยให้ยูเครนรักษาพื้นที่ในคูสค์ กระนั้น พื้นที่ที่รัสเซียคุมอยู่เวลานี้ น่าจะทำให้รัสเซียเป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่ายูเครน