ดุเดือดทิ้งทวน.. 2 ตัวเต็งผู้สมัครนายก อบจ.เมืองคอน เปิดเวทีประชันปราศรัยหาเสียงห่างกันแค่ 300 เมตร คนนับหมื่นแห่ลุ้นเชียร์ทั้งสองฝ่าย -“เทพไท”ออกโรงแฉวงจรอุบาทว์จดชื่อซื้อเสียงรายหัว- ชี้หาฝ่ายชื่อเสียงชนะเลือกตั้ง สรุปว่า”กระสุนชนะกระแส” /จวกยับ กกต.มีไว้ทำไม

(23 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเปิดเวทีปราศรัยหาเสียง สนามเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อคืนที่ผ่านมา(22 พ.ย.) ซึ่งมีการเปิดเวทีทิ้งทวนเวทีสุดท้ายประชันกันในพื้นที่ไกล้ ๆ กันของ 2 ผู้สมัครตัวเต็งคือนางกนกพรเดชเดโจหรือ “นายกต้อย” ผู้สมัครหมายเลข 1 ซึ่งใช้พื้นที่ลานวัฒนธรรม หมู่บ้านราชพฤกษ์ถนนพัฒนาการคูขวาง กับเวทีของนางสาววาริน ชิณวงศ์ หรือน้ำ ผู้สมัครหมายเลข 2 ทีมนครเข้มแข็ง ซึ่งใช้พื้นที่เปิดเวที บริเวณลานจอดรถหน้าห้างโรบินสันโอเชี่ยน ถนนพัฒนาการคูขวาง ซึ่งทั้งสองเวทีอยู่ห่างกันแค่ 300 เมตรเท่านั้น ซึ่งมีเพียงถนนพัฒนาการคูขวางกั้นกลาง
โดยทั้ง 2 เวทีมีประชาชนผู้สนับสนุนจากหลายอำเภอ เดินทางมาให้กำลังใจและฟังการปราศรัยเวทีละร่วมหมื่นคน ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเวทีของนางกนกพร เดชเดโช เบอร์ 1 อยู่ในพื้นที่อาคารลานวัฒนธรรม ซึ่งมีหลังคาอย่างดีจึงไม่มีปัญหาแม้จะมีผลตกก็ตาม และพบว่ามี สส. พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งในจังหวัดนครศรีธรรมราชและอีกหลายจังหวัดรวมทั้งนายก อบจ.อีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ เดินทางมาให้กำลังใจและร่วมรับฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น

ในขณะที่เวทีของ น้ำ วาริน ชิณวงศ์ เบอร์ 2 เป็นเวทีลานจอดรถกลางแจ้ง ไม่มีหลังคากันฝนแต่อย่างใด ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ ได้เตรียมร่มหรือเสื้อฝนมานั่งฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น ซึ่งในบางช่วงมีฝนตกโปรยปรายลงมาหนาเม็ดแต่ประชาชนที่นั่งฟังการปราศรัยไม่ได้ลุกหนีแต่อย่างใด และยังมี สส.พรรคภูมิใจไทย อดีต สส. อดีตผู้สมัคร สส. หลายพรรคการเมืองในจังหวัดนครศรีธรรมราชและภาคใต้เดินทางมาให้กำลังใจและร่วมรับฟังการปราศรัย อย่างเนืองแน่นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมี นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ และนายมาโนช เสนพงศ์ อดีต นายก อบจ. นครศรีธรรมราชน้องชายนายเทพไท มาร่วมให้กำลังใจและร่วมรับฟังการปราศรัยอยู่หลังเวทีของ น้ำ วาริน ชิณวงศ์ เบอร์ 2 อีกด้วย
นายเทพไท เสนพงศ์ กล่าวถึงการชื่อเสียงเลือกตั้ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า จริง ๆ แล้วการชื่อเสียงเลือกตั้ง มันเริ่มต้นมาตั้งแต่การเลือกตั้ง ปี 2562 เรื่อยมาจนถึงปี 2566 มีการซื้อเสียงกันมากที่สุด แต่ กกต.ก็ยังจับอะไรไม่ได้ มีความรู้สึกว่าไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ในวันนี้การเลือกตั้งท้องถิ่น กระแสการซื้อเสียงผมคิดว่ามันดังมากที่สุดและชัดเจนที่สุด ซึ่งมีการพูดคุยกันอย่างกว้างขวาง โดยผู้นำ ผู้ที่มีตำแหน่งเป็นคนดำเนินการจัดการเองทั้งหมด คนรับรู้รับทราบกันทั้งจังหวัด แต่ กกต. กลับไม่รู้ไม่เห็นอันนี้จะเป็นปัญหาว่าเรามี กกต.ไว้ทำอะไร หากว่าแค่เอาไว้นั่งแลคนซื้อเสียง หรือดูการต่อรองกันหัวละ 200 บาท โดยที่ กกต.ไม่ดำเนินการจัดการ ไม่มีการจับกุมลงโทษ ดังนั้นวัฒนธรรมการซื้อเสี่ยงของจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ซึ่งถ้าหากผลการเลือกตั้งครั้งนี้ปรากฏชัดว่าฝ่ายที่มีการซื้อเสียงชนะการเลือกตั้ง ต่อไปในทางการเมืองเรื่องกระแสก็ไม่จำเป็นต้องสร้างเพราะกระแสมันแพ้กระสุน หรือ “กระสุนมันชนะกระแส” แล้วมันจะเกิดลัทธิเอาอย่าง ต่อไปคนที่จะเล่นการเมืองไม่ต้องทำอะไรมาก แค่สะสมเงินแล้วเอามาซื้อ แล้วก็เข้าไปดำรงตำแหน่ง เข้าไปโกง โกงเสร็จแล้วก็หาเงินเก็บไว้เอามาซื้อการเลือกตั้ง และเข้าไปสู่ตำแหน่ง เพราะฉะนั้นจะกลายเป็นวงจรอุบาทว์ อันนี้ผมเลยขอฝาก กกต.เอาไว้เพราะเป็นองค์กรที่มีภารกิจหน้าที่ ในการจัดการทุจริตเลือกตั้ง ซื้อเสียง ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นว่า กกต.จะจับพวกซื้อเสียงได้เลยแม้แต่คนเดียว จะจับได้แต่ประเภทให้เงินไปจัดเลี้ยง ใส่ซองทำบุญ หรือการปราศรัย อย่างนี้มันง่าย ๆ แต่ว่าไอ้ที่มันสาหัสสากรรจ์มากที่สุดก็คือการจดชื่อซื้อเสียง แจกกันเป็นรายหัวอันนี้แหละคือวงจรอุบาทว์ของการเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช”นายเทพไท เสนพงศ์ กล่าว

ไพฑูรย์ อินทศิลา/สายัณห์ ศรีใหม่/นครศรีธรรมราช
23 พ.ย..2567