วันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในห้วงที่ตนนำคณะเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 35 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ที่ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ตนได้นำคณะกระทรวงพาณิชย์หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีการค้ารวม 7 เขตเศรษฐกิจเอเปค ได้แก่ เกาหลีใต้ ฮ่องกง ชิลี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และแคนาดา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกัน พร้อมเดินหน้าดันไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมสมัยใหม่ในภูมิภาค
นายพิชัย ระบุว่า ท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เข้าร่วมการประชุมเอเปคในระดับผู้นำ และประกาศถึงความพร้อมของไทยสำหรับการลงทุนและความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการลงทุน และผลักดันให้เกิดการค้าเสรี หรือ FTA ส่งเสริมเรื่องนวัตกรรมดิจิทัล และการเติบโตที่ยั่งยืน ซึ่งสร้างความมั่นใจและแสดงถึงความพร้อมของไทย ในการเชิญชวนภาคเอกชนในเขตเศรษฐกิจสมาชิกมาลงทุนที่ประเทศไทย
“ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ หนึ่งในทีมไทยแลนด์ ตามนโยบายของรัฐบาล ตนได้นำคณะเข้าหารือกับสมาชิกเอเปค ได้มีโอกาสพบรัฐมนตรีการค้าจากหลายเขตเศรษฐกิจ โดยได้เน้นย้ำว่า ไทยพร้อมเป็นพันธมิตรด้านเศรษฐกิจกับทุกเขตเศรษฐกิจโดยเฉพาะการเป็นฐานการผลิตในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่น ดิจิทัล AI อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเขตเศรษฐกิจ ทั้งฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ต่างก็มองไทยเป็นศูนย์กลางของ Supply chain ด้วยความเหมาะสมด้านสภาพแวดล้อมทางการลงทุนของไทย ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดี ที่จะมีการขยายการค้าการลงทุนมากขึ้น รวมถึงในด้านสินค้าเกษตรและอาหารที่ไทยได้ผลักดันบทบาทของประเทศในฐานะ “ครัวโลก” เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ให้กับเขตเศรษฐกิจ เช่น ข้าว ที่ฮ่องกงยินดีที่จะพิจารณาเพิ่มปริมาณการซื้อข้าวไทย นอกจากนี้ ยังมีอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูง เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช รวมถึงผลไม้ไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดฮ่องกงมาอย่างยาวนาน” นายพิชัยกล่าว