AP และ BBC รายงานโดยอ้างตัวเลขกระทรวงสาธารณสุขเลบานอนที่ออกมาเปิดเผยว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุกองกำลังอิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเขตบาสต้า ซึ่งอยู่ใจกลางกรุงเบรุตเมื่อช่วงเช้ามืดวานนี้ (เสาร์ที่ 23 พย.) พุ่งเป็นอย่างน้อย 20 คน ขณะที่ผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 66 คน ที่สำคัญคือการโจมตีครั้งนี้ไม่มีการประกาศเตือนล่วงหน้า และเป็นการโจมตีขณะประชาชนส่วนใหญ่กำลังนอนหลับ
การโจมตีใจกลางเมืองหลวงเลบานอนของอิสราเอลครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 ในรอบไม่ถึง 1 สัปดาห์ โดยเครื่องบินโจมตีของอิสราเอลได้ยิงระเบิดใส่อาคาร 8 ชั้น โดยอ้างว่ามุ่งสังหารสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ทำให้อาคารทั้งหลังพังถล่ม และสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับอาคารที่อยู่ใกล้เคียงอีกหลายหลัง รวมทั้งรถยนต์ที่จอดอยู่อีกจำนวนมาก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตชุมชนมีคอนโดและอพาร์ตเม้นต์อยู่กันหนาแน่น ขณะที่สมาชิกสภานิติบัญญัติฮิซบอลเลาะห์ยืนยันว่าไม่มีสมาชิกกลุ่มติดอาวุธอยู่ภายในอาคาร 8 ชั้น
เมื่อวานนี้ อิสราเอลยังได้โจมตีเลบานอนอีกหลายเมือง ทั้งเมืองไทร์ ซึ่งเป็นเมืองท่าทางทิศใต้, เมืองชมูสตาร์ ทางตะวันออก, และหมู่บ้านบูได ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนับสิบราย
ขณะที่นายอามอส ฮอชสไตน์ ผุ้แทนสหรัฐได้เดินทางถึงตะวันออกกลางแล้วในความพยายามที่จะผลักดันข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและเลบานอน หลังยอดผู้เสียชีวิตในเลบานอนจากการโจมตีของอิสราเอลพุ่งสูงกว่า 3 พัน 500 คนและทำให้มีผู้พลัดถิ่นราว 1 ล้าน 2 แสนคน เท่ากันจำนวน 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ โดยข้อตกลงเสนอให้อิสราเอลหยุดยิงเป็นเวลา 2 เดือน และถอนทหารออกจากแนวพรมแดนติดเลบานอน ขณะที่ฮิซบอลเลาะห์จะต้องถอนนักรบออกจากแนวพรมแดนทางใต้ของเลบานอนเช่นกัน โดยเปิดทางให้กองกำลังเลบานอนและกำลังสันติภาพของยูเอ็นเข้าไปดูแล โดยมีคณะกรรมการสากลเฝ้าระวังสถานการณ์
อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้ เนื่องจากอิสราเอลต้องการการรับประกันว่าฮิซบอลเลาะห์จะต้องเคลื่อนย้ายอาวุธทั้งหมดออกจากแนวพรมแดน และต้องการให้ระบุว่าอิสราเอลสามารถโจมตีเลบานอนได้หากฮิซบอลเลาะห์ละเมิดข้อตกลง แต่เลบานอนไม่ยอม ชี้ว่าเงื่อนไขดังกล่าวละเมิดอธิปไตยเลบานอน ขณะที่ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ก็ต้องการให้ระบุว่าอิสราเอลจะต้องยุติการโจมตีโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ทั้้งสองฝ่ายยังตกลงเรื่องใครจะมานั่งเป็นคณะกรรมการเฝ้าระวังไม่ได้ โดยอิสราเอลไม่ยอมรับเจ้าหน้าที่จากฝรั่งเศส เพราะสนิทกับทางเลบานอน ส่วนเลบานอนไม่ยอมรับเจ้าหน้าที่อังกฤษเพราะสนิทกับอิสราเอล