อิรวดีรายงานว่านายนี รัง โฆษกกองกำลังว้าแดงได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (อังคารที่ 26 พย.) บอกว่าไทยได้ขอให้กองทัพว้าแดงรื้อถอนฐานที่มั่นจำนวน 9 แห่งออกจากแนวพรมแดนรัฐฉานติดจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยชี้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย พร้อมเคลื่อนทัพเข้ามาประชิดที่แนวพรมแดน อย่างไรก็ตามนายนี รังกล่าวว่าสถานการณ์ยังคงเป็นปกติในฝั่งของเมียนมา
อิรวดีเผยว่าสื่อไทยรายงานเมื่อวานนี้ว่าสถานการณ์ที่อำเภอปาย ซึ่งติดพรมแดนเมียนมาเริ่มตึงเครียดขึ้น หลังจากกองทัพว้าแดงได้ส่งทหารและอาวุธเข้ามาเพิ่มเติมในฐานที่มั่น ทำให้กองทัพไทยต้องเคลื่อนปืนใหญ่และอาวุธเข้ามาประชิดเพื่อสนับสนุนหน่วยทหารของไทยที่พรมแดน
อิรวดีรายงานว่าการเผชิญหน้าครั้งล่าสุดมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ของกองทัพภาคสามของไทยได้พบปะเจรจากับสมาชิกกองทัพว้าแดงภูมิภาค 171ที่จังหวัดเชียงใหม่วันที่ 18 พฤศจิกายนเพื่อหารือแก้ปัญหายาเสพติด, การลักลอบเข้าเมืองและการรุกล้ำเขตแดนไทย พร้อมขีดเส้นตายให้ถอนทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าวภายใน 1 เดือน
นายนี รังกล่าวว่า กองทัพว้าแดงได้ตอบกลับไปว่าปัญหาพื้นที่พิพาทที่พรมแดนเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยและเมียนมาต้องเจรจาพูดคุยกันเอง
พื้นที่พิพาทดังกล่าวเคยอยู่ในการควบคุมของขุนส่า ราชายาเสพติดชื่อดังแห่งสามเหลี่ยมทองคำซึ่งเป็นผู้นำกองทัพเมิงไต แต่ถูกกองทัพว้าเข้ามายึดครองในปี 2539 ทำให้เป็นกลายเป็นผู้จัดส่งเฮโรอีนและยาบ้ารายใหญ่แทนขุนส่า ทำให้เกิดการปะทะและเผชิญหน้ากับทหารไทยเป็นระยะๆ
ปี 2543 ทหารว้าซึ่งตอนนั้นเป็นพันธมิตรกับกองทัพเมียนมา ได้ยิงปะทะกับทหารไทยที่พรมแดนจังหวัดเชียงใหม่
ปี 2559 รัฐบาลไทยได้ขอให้รัฐบาลเมียนมาช่วยเจรจาให้กองทัพว้าแดงถอนทหารออกจากดินแดนไทย แต่ก็ไร้ผล
ปีที่แล้ว (2566) ไทยได้เรียกร้องกองทัพว้าแดงรื้อถอนฐานที่มั่น 5 แห่งออกจากแนวพรมแดน แต่ถูกปฏิเสธอีกรอบ โดยยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตของเมียนมา